Wednesday, 24 April 2024
NEWSFEED

ยอดจองรถยนต์ไฟฟ้าในงานมอเตอร์โชว์ 2023 กระฉูดหลังลูกค้าชาวไทยให้การตอบรับดีเกินคาด

ยอดจองรถยนต์ไฟฟ้าในงานมอเตอร์โชว์ 2023 กระฉูดหลังลูกค้าชาวไทยให้การตอบรับ ดีเกินคาด ค่ายรถจีนกวาดยอดเกิน 50%

 

รายงานข่าวจาก บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ผู้จัดงานมอเตอร์โชว์ 2023 (ครั้งที่ 44) ระบุว่า ยอดจองรถยนต์ไฟฟ้า 100% (EV) จากงานมอเตอร์โชว์ 2023 ที่เพิ่งจบไป ปรากฏว่ามียอดจองทั้งสิ้น 9,234 คัน หรือคิดเป็น 20% จากยอดรวม 45,983 คัน

 

แบ่งเป็น กลุ่มรถจีน 8,465 คัน ประกอบด้วย MG จำนวน 2,750 คัน, BYD จำนวน 2,737 คัน, NETA จำนวน 1,300 คัน และ ORA จากค่ายเกรท วอลล์มอเตอร์ จำนวน 1,678 คัน ซึ่งมีตัวเลขเกิน 50%

 

ส่วนที่เหลือเป็นรถยนต์ไฟฟ้า จากค่ายยุโรป ญี่ปุ่น และเกาหลี ได้แก่ วอลโว่ จำนวน 185 คัน, เมอร์เซเดส-เบนซ์ จำนวน 165 คัน,ฮุนได จำนวน 128 คัน, เลกซัส 74 คัน, ปอร์เช่ จำนวน 54 คัน, ออดี้ จำนวน 10 คัน และอื่น ๆ 153 คัน

 

ส่วน 10 อันดับรถขายดีทั้งหมดในงานครั้งนี้ ประกอบด้วย 1.โตโยต้า 2.ฮอนด้า 3.MG 4.ซูซูกิ 5.เกรท วอลล์ฯ 6.อีซูซุ 7.มาสด้า 8.นิสสัน 9.BYD 10.ฟอร์ด

ออกแคมเปญไล่นักท่องเที่ยว

ในขณะที่หลายประเทศในโลก พยายามอัดแคมเปญส่งเสริมด้านการท่องเที่ยว ดึงดูดให้ชาวต่างชาติเข้ามาเที่ยวในบ้านเยอะๆ เพื่อสร้างรายได้เข้าประเทศ แต่ก็มีบางประเทศที่ทำตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง ถึงขนาดออกแคมเปญไล่นักท่องเที่ยว โดยเจาะจงไปที่กลุ่มนักท่องเที่ยวตลาดล่าง ที่เข้ามารบกวน ทำพฤติกรรมไม่เหมาะสม เพื่อปกป้องภาพลักษณ์ของเมือง

 

อย่างกรุงอันสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ที่ตอนนี้มีแคมเปญใหม่ล่าสุด ที่ขึ้นป้ายบิลบอร์ด ไล่นักท่องเที่ยวกันซึ่งๆหน้าว่า "หากคุณกำลังวางแผนเที่ยวแบบหัวราน้ำ ที่อัมสเตอร์ดัมอยู่หล่ะก็ ขอให้คิดใหม่ เพราะเมืองหลวงของเนเธอร์แลนด์แห่งนี้ไม่ต้อนรับพวกคุณ"

 

นอกจากนี้ยังมีการทำคลิปโฆษณา จำลองเหตุการณ์ตำรวจจับนักท่องเที่ยววัยรุ่นที่เมา โวยวายตามสถานบันเทิงยามค่ำคืน ชาวต่างชาติที่เสพยาเกินขนาดจนต้องหามส่งโรงพยาบาล หรือนักท่องเที่ยวที่กำลังมองหาโรงแรมถูก ๆ ในอัมสเตอร์ดัมเพื่อมาหาเพื่อนสายปาร์ตี้เอาดาบหน้าที่อัมสเตอร์ดัม พร้อมขึ้นคำเตือนว่า "อยากมาลองเมาเละที่อัมสเตอร์ดัม = โทษปรับ 140 ยูโร + ติดประวัติอาชญากรรม?"

 

นาย โซฟอัน มบาร์กี รองผู้ว่าการกรุงอัมสเตอร์ดัม ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับแคมเปญ "Stay Away - ไปให้ห่างจากอัมสเตอร์ดัม" ว่า จริงๆแล้วไม่ใช่ว่าชาวกรุงอัมสเตอร์ดัม ไม่อยากได้นักท่องเที่ยว เพียงแต่เราไม่ต้องการต้อนรับนักท่องเที่ยวที่ไร้คุณภาพ มีเป้าหมายเพียงเพื่อมาหาที่เมา ที่เสพ และอาละวาด เสียงดังจนชาวบ้านเดือดร้อน เรายอมจำกัดการเติบโตด้านการท่องเที่ยวดีกว่า เพื่อแลกกับบรรยากาศเมืองที่น่าอยู่

 

สิ่งที่น่าแปลก แต่จริง ก็คือ กลุ่มเป้าหมายหลักที่ทำให้ทางการอัมสเตอร์ดัมต้องหาทำแคมเปญไล่นักท่องเที่ยวในครั้งนี้ คือกลุ่มนักท่องเที่ยวชายชาวอังกฤษ อายุตั้งแต่ 18-35 ปี ที่หลายครั้งพบว่ามา สร้างปัญหาเมื่อข้ามฝั่งมาเที่ยวที่เนเธอร์แลนด์

 

และกรุงอัมสเตอร์ดัม เองก็มีชื่อเสียงโด่งดังในทางลบว่าเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาแสวงหาความสำราญ เนื่องจากมีซ่องโสเภณีที่ถูกกฏหมาย กัญชาเสรี ที่สามารถหาเสพได้ง่ายตามร้านคาเฟ่กัญชาที่มีอยู่ทั่วไปในเมือง แต่เมื่อมีนักท่องเที่ยวที่กลุ่มนี้มากๆเข้า ก็สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้แก่ชาวเมือง และทำให้บรรยากาศของเมืองเสียไป

 

ทางการอัมสเตอร์ดัมจึงวางแผนที่จะปรับปรุงภาพลักษณ์ของเมืองใหม่ทั้งหมด โดยออกกฏ ข้อห้ามในการสูบบุหรี่ ยาสูบตามท้องถนน ลดการจัดปาร์ตี้คนโสด หรือกิจกรรมตระเวณผับแบบหัวราน้ำ อีกทั้งยังวางแผนที่จะย้ายซ่องโสเภณี และ ธุรกิจทางเพศกว่า 100 แห่งไปอยู่ชานเมืองในเร็วๆนี้

 

กรุงอัมสเตอร์ดัม เคยต้อนรับนักท่องเที่ยวมากกว่า 20 ล้านคนต่อปี แต่ทางการยอมที่จะปรับลดเป้าหมายนักท่องเที่ยวลง หลังจากที่มีการปรับปรุงภาพลักษณ์ โดยขอเน้นเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวชั้นดีเพียงแค่ 10 ล้านคนต่อปีก็พอ แต่มีความยั่งยืนในธุรกิจอุตสาหกรรมท่องเที่ยวโดยรวมแบบระยะยาวจะดีกว่านั่นเอง

 

อ้างอิง

 

Euro News

 

ลุงป้อมทำเมนูสุดพิเศษ

วันนี้ (2 เมษายน 2566) เวลา 11.00 น. พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้โชว์ทำกุ้งกระเทียมเพื่อรับประทานเป็นอาหารกลางวัน พร้อมกับทีมงานใกล้ชิด

 

โดยปกติที่ผ่านมา พลเอกประวิตร ก็ชอบที่จะทำอาหารทานและเลี้ยงทีมงานใกล้ชิดโดยทุกคนที่ได้รับประทานจะติดใจฝีมือของพลเอกประวิตรและต้องขอมาลองเมนูอื่นๆอีก

 

ในวันนี้ ขณะทำอาหารซึ่งเป็นกุ้งกระเทียม พลเอกประวิตร มีสีหน้ายิ้มแย้มและอารมณ์ดีด้วยความชอบและรักในการทำอาหาร

 

พลเอกประวิตรกล่าวว่า เมนูนี้เป็นเมนูที่บิดาของพลเอกประวิตรมักจะขอให้ ตนเองทำให้คนในครอบครัวทาน เพราะพลเอกประวิตรทำได้อร่อย จนกลายเป็นเมนูของความรัก ความผูกพันในครอบครัวจนถึงวันนี้

 

โดยในวันอาทิตย์นี้พลเอกประวิตร ได้ใส่เสื้อเชิ้ตแขนสั้นยี่ห้อมหานครพิมพ์ลวดลายสุดเท่ทั้งตัว สะท้อนความเป็นไทยแบบยุคใหม่ได้เป็นอย่างดี เป็นลายกุ้ง โดยระบุคำว่า “foodie” ซึ่งแปลว่า นักชิม และคำว่า “good test good quality” ซึ่งหมายความว่า รสชาติดี คุณภาพดี เข้ากับการทำอาหารในวันนี้ เป็นวันอาทิตย์สบายๆ สไตล์ลุงป้อม

 

 

เคลื่อนไหวอิสระ บุกไปป่วนเวทีพรรคพลังประชารัฐ เมื่อวาน (1 เม.ย.)

หลังจากที่กลุ่ม นางสาวทานตะวัน ตัวตุลานนท์ (ตะวัน) และ นางสาวอรวรรณ ภู่พงษ์ (แบม) นักเคลื่อนไหวอิสระ บุกไปป่วนเวทีพรรคพลังประชารัฐ เมื่อวาน (1 เม.ย.)

 

โดยพยายามบุกเข้ามาในบริเวณหน้าเวทีปราศรัย พยายามที่จะดันเข้าไปให้ได้ จนกระทั่งเกิดความรุนแรงขึ้น โดยมีการชกต่อยกันระหว่างเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกับมวลชน เกิดความวุ่นวาย และสร้างความตกใจให้กับประชาชนที่มาร่วมฟังการปราศรัย

 

ชาวเน็ตได้ตั้งข้อสังเกตจากภาพที่ปรากฎอยู่ในคลิป จะมีผู้หญิงอ้วนเสื้อสีฟ้าใช้ถุงดำคลุมหัวเพื่ออำพราง ร่วมทำกิจกรรมด้วย ทราบภายหลังคือ นส.วีรดา (ทนายเฟิร์น) คงธนกุลโรจน์ เป็นทนายความเครือข่ายศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน มาโป๊ะแตก ตอนหน้าร้านแมคโดนัล ราชดำเนิน เปิดตัวว่าเป็นทนาย ตรวจสอบการทำงานของฝ่ายสืบสวน

 

ปราศรัยใหญ่ เวทีฉะเชิงเทรา

วันที่ 31 มี.ค. 2566 ที่สนามหน้าศาลากลาง จ.ฉะเชิงเทรา พรรคเพื่อไทย จัดปราศรัยใหญ่ นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค นายณัฐวุฒิ ใสยเกืัอ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย นายสุชาติ ตันเจริญ นายจาตุรนต์ ฉายแสง นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ พร้อมด้วยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ฉะเชิงเทราทั้ง 4 เขต โดยมีประชาชนร่วมรับฟังการปราศรัยจำนวนมาก

 

นพ.ชลน่าน ปราศรัยตอนหนึ่งว่า การจะเปลี่ยนแปลงได้ต้องเอาพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และระบอบ3ป.ออกไป พรรค พท.มั่นใจจะคิดใหญ่กับชาวแปดริ้วได้สำเร็จ พรรคเพื่อไทยยังตั้งเป้าหมายไว้ที่ 310 เสียง

 

ถ้าไม่ได้ 310 เสียง พล.อ.ประยุทธ์จะได้ไปต่อ เพราะพล.อ.ประยุทธ์ได้แค่ 126 เสียง ก็ตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยได้ แม้พรรคเพื่อไทยได้ 240 เสียง อาจไม่ได้เป็นรัฐบาล การเลือกนายกฯต้องได้ 376 เสียง ถ้าเขาอยากให้ประยุทธ์ไปต่อ อาจใช้วิธีให้ส.ว.250 คน ไม่โหวตนายกฯ ให้พล.อ. ประยุทธ์รักษาการเป็นนายกฯต่อ จนกว่าส.ว.จะหมดวาระ

 

แต่ถ้าประชาชนเลือกพรรคพท.มา 310 เสียงจริง ส.ว.จะเคารพอำนาจประชาชน ขณะนี้ผลโพลทุกสำนักตรงกัน พรรคเพื่อไทยจะชนะเลือกตั้ง ถ้าดูผลทางสถิติ จะมีความคลาดเคลื่อนแค่ 3% ถือว่าเข้าใกล้แลนด์สไลด์ร้อยละ 99.99 แล้ว

 

จากนั้นน.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวปราศรัยผ่านระบบซูมสั้นๆ ว่า แม้ไม่ได้ไปเอง แต่คิดถึงทุกคนมาก พรรค พท.พร้อมแล้วที่จะให้ชีวิตคนไทยกินดีอยู่ดีอีกครั้ง ให้หนี้สินหมดไป จะช่วยกระจายสินค้าเกษตรให้ไปไกลทั่วโลก สินค้าเกษตรจะราคาขึ้นยกแผงแน่ ถ้าพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล สิ่งที่จะทำทันทีคือ ลดค่าไฟ ค่าแก๊ส

 

ด้านนายสุชาติ ปราศรัยว่า ตอนเป็นรองประธานสภาฯ เบื่อพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯประสาอะไร ปล่อยสภาล่มตลอด หาความรับผิดชอบไม่มี ถือเป็นการเมืองยุคเลวร้ายที่สุด ไม่เคยมียุคใดที่ไล่ซื้อผู้แทนกันโจ๋งครึ่ม 30-40 ล้านบาท นโยบายที่บอกจะทำทั้งสปก.ทองคำหรือมารดาประชารัฐ ไม่แตะสักนิดเดียว

 

ส่วนเรื่องความจริงใจของพล.อ.ประยุทธ์นั้น ก่อนสภาหมดอายุ 6-8 วัน มีการขึ้นเงินเดือนให้อบต. อสม.แต่ถามว่าจริงใจไหม อยู่มา 4 ปี ไม่ขึ้นให้ แต่เหลืออีก 8 วันมาขึ้นให้ เป็นเงินเดือนทิพย์ เพราะรัฐบาลชุดต่อไปต้องมาทำต่อ นี่คือความจริงใจหรือไม่

 

การเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นปรากฏการณ์ที่น่าจดจำใน จ.ฉะเชิงเทรา เพราะ 3 ครอบครัวมารวมเป็นครอบครัวเพื่อไทย เพื่อประโยชน์ชาวฉะเชิงเทรา จะช่วยให้แลนด์สไลด์ในจ.ฉะเชิงเทราง่ายขึ้น

‘เอ๋ ชนม์สวัสดิ์’ ฮีทสโตรก หมดสติ ขณะซ้อมแข่งรถ ‘อนุทิน’ ดูแลใกล้ชิด เพราะเป็นพ่อดองกัน

วันที่ 31 มี.ค.2566  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 30 มี.ค.ที่ผ่านมา นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ และนักธุรกิจชื่อดัง ได้ถูกนำตัวส่ง รพ.บุรีรัมย์อย่างเร่งด่วน ด้วยอาการฮีทสโตรก หรือ โรคลมแดด เนื่องจากอากาศร้อนจัด ขณะซ้อมแข่งรถยนต์ที่สนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อเตรียมแข่งขันในเดือนหน้า ขณะนี้รักษาตัวอยู่ในห้อง ไอซียู.อาคารเฉลิมพระเกียรติ รพ.บุรีรัมย์ โดยมีทีมงานและผู้บริหารของทางสนาม เดินทางมาเฝ้าติดตามอาการอย่างใกล้ชิด ส่วนครอบครัวและญาติกำลังอยู่ระหว่างเดินทาง

นพ.ภูวดล กิตติวัฒนาสาร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบุรีรัมย์ ให้ข้อมูลว่า คนไข้ได้ถูกส่งตัวเข้ามารักษาที่ รพ. ด้วยอาการหมดสติ คาดว่าน่าจะเกิดอาการฮีทสโตรก เนื่องจากภาวะอากาศร้อนจัด ขณะนี้อยู่ระหว่างการหาสาเหตุ และอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด ตอนนี้รู้สึกบ้างไม่รู้สึกตัวบ้าง ซึ่งแพทย์ก็ทำการรักษาอย่างเต็มที่

สำหรับโรคฮีตสโตรก หรือลมแดด เป็นโรคที่เกิดจากการที่ร่างกายได้รับความร้อนมากเกินไป จนทำให้ความร้อนในร่างกาย (core temperature) สูงกว่า 40 องศาเซลเซียส อาการที่พบได้เบื้องต้น ได้แก่ เมื่อยล้า อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน วิตกกังวล สับสน ปวดศีรษะ ความดันต่ำ หน้ามืด ไวต่อสิ่งเร้าง่าย และยังอาจมีผลต่อระบบไหลเวียน ซึ่งอาจมีอาการเพิ่มเติมอีก ได้แก่ ภาวะขาดเหงื่อ, เพ้อ, ชัก, ไม่รู้สึกตัว, ไตล้มเหลว, หายใจเร็ว, หัวใจเต้นผิดจังหวะ และอาจเกิดอาการช็อคหมดสติ และรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้

เมื่อเวลา 21.26 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่ นายชนม์สวัสดิ์ ถูกหามส่งโรงพยาบาลบุรีรัมย์ โดยอาการฮีทสโตรก ว่า ขณะนี้ยังรักษาอยู่ในโรงพยาบาลบุรีรัมย์ ยังไม่ได้ส่งตัวเข้ามากรุงเทพมหานคร ตามกระแสข่าวลือ

เมื่อถามว่า นายชนม์สวัสดิ์ รู้สึกตัวหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตอนนี้ ใช้หมอหัวใจ ดูอยู่ใกล้ชิด ซึ่งขณะนี้ตนก็ดูอยู่อย่างใกล้ชิดเนื่องจากมีสัมพันธ์ เป็นพ่อดองกันด้วย

ล่าสุดในโซเชี่ยล ได้มีบรรดานักแข่งรถ คนในวงการทั้งธุรกิจและการเมืองโพสต์เฟซบุ๊ก แสดงความเสียใจต่อการจากไปอย่างกะทันหันของ เอ๋ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม แล้ว

พปชร. เปิดขุนพล 400 เขต ชูนโยบายแก้ไขปัญหาปากท้อง ปชช. แห่เชียร์แน่น

วันที่ 30 มีนาคม 2566  พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)  พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพปชร.พร้อมด้วยคณะกรรมการบริหารพรรค อาทิ นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรค,นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค,นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรค นายสกลธี ภัททิยกุล หัวหน้าทีมดูแลการเลือกตั้ง ส.ส.กทม.และแกนนำภาคร่วมงานพร้อมเพรียง และคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านต่าง ๆ  จัดกิจกรรม “เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขต ทั่วประเทศ และว่าที่ผู้สมัครสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พร้อมเปิดนโยบายพรรคพลังประชารัฐ”  ร่วมกับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. 400 เขตทั่วประเทศ และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ที่จะนำนโยบายของพรรคที่จะเข้าไปแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน ผ่านกลไกนโยบายที่พรรคจะนำเสนอ ทั้งทางด้านสวัสดิการประชารัฐ สังคมประชารัฐ และเศรษฐกิจประชารัฐ ที่มีเป้าหมายให้ประชาชนหลุดพ้นจากความยากจน  มั่นใจได้ว่าทุกนโยบายพร้อมทำได้ทันทีเมื่อได้เป็นรัฐบาล  ที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตครอบคลุมทุกกลุ่ม ทุกช่วงวัย ได้มีอาชีพที่มั่นคง มีรายได้ที่ยั่งยืน

 

โดย พล.อ.ประวิตร กล่าวบนเวทีว่า สวัสดีครับพี่น้องประชาชนที่รักทุกท่านวันนี้ ผมรู้สึก อบอุ่นใจเป็นอย่างยิ่ง การเลือกตั้งในครั้งนี้พรรคพลังประชารัฐ พร้อมแล้วที่จะเข้ามารับใช้ประชาชน ผมอยากจะสื่อสารให้พี่น้องประชาชนชาวไทยทราบว่าคนไทยทุกคนเป็นครอบครัวเดียวกัน เป็นพี่น้องร่วมชาติ ที่ผ่านมา ประเทศของเราพัฒนาได้ยาก เพราะความขัดแย้ง และความแตกแยก ผมจึงขอเชิญชวนทุกท่านร่วมใจกัน ก้าวข้ามความขัดแย้ง ด้วยความรัก ความเข้าใจเห็นอกเห็นใจ ซึ่งกันและกัน

 

"ผมพร้อม ที่จะประสานประโยชน์ กับทุกฝ่ายพร้อมที่จะนำ ความรัก ความสามัคคีมาสู่ ประเทศชาติ ของเราคนไทย ต้องรักกันสามัคคีกันเป็นหนึ่งเดียวเพื่อสร้างความสงบสุข ความเจริญรุ่งเรืองให้กับ ประเทศชาติ และประชาชน เมื่อเราก้าวข้ามความขัดแย้งได้เราก็จะมีพลัง ที่จะก้าวข้ามความยากจนไปด้วยกัน"

 

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า พี่น้องครับการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นนี้เป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญของท่านทั้งหลายที่จะให้พรรคใดมาบริหารประเทศ พรรคพลังประชารัฐได้นำเสนอนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนมากมายดังที่ได้รับชมในวีดิทัศน์ไป เมื่อสักครู่นี้แล้ว ทีมเศรษฐกิจของเราคิดไว้มากมาย การเลือกตั้งครั้งนี้ถ้าเราได้คะแนนมาเป็นที่หนึ่งจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ทันที ขับเคลื่อนนโยบายที่ทำไว้ ทั้งนโยบายบัตรประชารัฐ 700 บาท ต่อเดือน การลดราคาน้ำมัน ลดราคาแก๊สและลดค่าไฟฟ้า การดูแลคนไทยทุกช่วงวัย ทั้งเบี้ยประชาชน ผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปี ขึ้นไป มารดาที่ตั้งท้องตั้งแต่เดือนที่ 5 จะช่วยเหลือค่าใช้จ่ายจนถึงวันคลอดและดูแล ทารกหลังคลอด จนถึง 6 ขวบ นโยบายในเรื่องน้ำ มีเราต้องไม่มีแล้ง โดยจะพัฒนาแหล่งน้ำ ระบบชลประทานแก้ปัญหา น้ำท่วม น้ำแล้ง น้ำอุปโภคบริโภค น้ำเพื่อการเกษตรส่งเสริม ตนยืนยันว่ามีเราจะไม่มีแล้งอีกต่อไป ส่งเสริมสิทธิที่ดินทำกิน  มีเราต้องมีที่ดินทำกิน ถ้ามีที่ทำกินไม่มีจน จะก้าวข้ามความยากจนได้ เราจะแก้ปัญหาความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างงาน สร้างรายได้ยกระดับ การศึกษา เศรษฐกิจฐานรากภาคอุตสาหกรรม การคมนาคมและนโยบายอื่น ๆ อีกมากมาย

 

พล.อ.ประวิตร กล่าวต่อว่า การแก้ปัญหายาเสพติด ทั้งการป้องกันปราบปรามและบำบัดฟื้นฟูอย่างจริงจังเราจะปราบปรามผู้มีอิทธิพล อาชญากรรมข้ามชาติการฉ้อโกงออนไลน์ แชร์ลูกโซ่ และหนี้นอกระบบ เราจะทำทุกวิถีทาง เพื่อให้ประชาชนอยู่ดีกินดี และมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เราคือครอบครัวเดียวกัน เราจะรักสามัคคีกันเป็นหนึ่งเดียว 

 

“ขอให้เชื่อมั่นผม เชื่อมั่นในพรรคพลังประชารัฐ และผู้สมัครฯ ทั้ง 400 เขต และส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ยืนอยู่ตรงนี้ ผมขอประกาศกับพี่น้องประชาชนทั่วประเทศว่าพวกเราทำได้ และพร้อมแล้วที่จะรับใช้ประชาชน พี่น้องครับวันอาทิตย์ที่ 14 พ.ค. นี้โปรดกาบัตรเลือกพลังประชารัฐ ทั้ง 2 ใบ เลือกทั้งคน เลือกทั้งพรรค เพื่อก้าวข้ามความขัดแย้ง และก้าวข้ามความยากจนไปด้วยกัน”พล.อ.ประวิตร กล่าว

 

นอกจากนี้ ภายในงานพรรคพลังประชารัฐ ได้นำเสนอคลิปวิดีโอเกี่ยวกับนโยบายที่จะมุ่งฟื้นเศรษฐกิจและการแก้ไขปัญหาครบทุกมิติให้มีการเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วย “นโยบาย 3 เร่งด่วน 8 เร่งรัด” โดย “3 นโยบายเร่งด่วน”ประกอบด้วย 1. แก้หนี้ประชาชน ผู้ประกอบการ ให้เบ็ดเสร็จ เติมทุนด้วยวิธีใหม่ ควบคู่สร้างโอกาสใหม่ โดยทำทันที  2. ดูแลสวัสดิการ เสริมทักษะ ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ  3. การยกระดับคุณภาพชีวิตทุกช่วงวัย 

 

และ “8 นโยบายเร่งรัด” วางรากฐานเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน ประกอบด้วย 1. ยกระดับเศรษฐกิจฐานราก ส่งเสริมภาคการเกษตร วิสาหกิจชุมชนเชื่อมโยงกับภาคอุตสาหกรรม และการท่องเที่ยว 2. ยกเครื่องภาคอุตสาหกรรมเดิม สู่เศรษฐกิจใหม่ในอุตสาหกรรม S-curve เพื่อขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม เข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัล และเศรษฐกิจ BCG  3. เร่งพัฒนาพื้นที่เชิงยุทธศาสตร์  ทั้ง อีอีซี และขยายพื้นที่ยุทธศาสตร์ใหม่  4. ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานทุกระบบทั้งถนน ราง น้ำ และอากาศ รวมถึงพัฒนาโครงเครือข่าย 5G ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ การต่อยอดพร้อมเพย์ และเป๋าตังค์ ให้คนไทยเข้าสู่ Digital Economy อย่างแท้จริง 5. พัฒนาทรัพยากรมนุษย์รองรับอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ทั้งระดับปวช. ปวส. ให้เรียนฟรีมีงานทำ พัฒนาแพลตฟอร์มเชื่อมแหล่งงาน เพื่อสร้างรายได้ระหว่างเรียน ส่วนแรงงานเดิมจะส่งเสริมเข้าโปรแกรมเพิ่มทักษะให้สอดรับกับอุตสาหกรรมสมัยใหม่  6. ปฎิรูประบบราชการ แก้ไขกฎหมายที่เป็นอุปสรรค เพื่อส่งเสริมให้เกิดเอสเอ็มอีที่มีความเข้มแข็ง 7. ปฏิรูประบบงบประมาณ กระจายอำนาจการปกครองส่วนท้องถิ่น สู่การพลิกฟื้นเศรษฐกิจ เพื่อเข้าสู่งบประมาณสมดุลในระยะยาว เพื่อส่งเสริมการขับเคลื่อนให้ท้องถิ่นเข้มแข็ง ที่ตอบสนองความต้องการของพื้นที่ได้อย่างตรงจุด  และ 8. ต่อต้านคอร์รัปชั่นเต็มรูปแบบ สร้างระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐที่ลดการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ เพิ่มโทษนักการเมืองที่ทุจริตคอร์รัปชันเป็นสองเท่า รวมถึงมีเทคโนโลยีบล็อคเชนที่จะนำมาใช้ในโครงการประมูลภาครัฐขนาดใหญ่

 

ทั้งนี้ บรรยากาศภายในงานได้มีประชาชนที่เดินทางมาจากทุกภาคและในกทม.เต็มความจุอัฒจันทร์ โดยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ต่างเดินทักทาย และถ่ายรูปกับประชาชนที่ถือป้ายไฟส่งเสียงต้อนรับว่าที่ผู้สมัครอย่างสนุกสนาน นอกจากนี้ยังมีศิลปินดารา กลุ่มนางงาม,นายแบบ,อินฟลูเอนเซอร์จากหลากหลายอาชีพ ,LGBTQ,กลุ่มนักแข่งเกมส์ อีสปอร์ต มาร่วมรับฟังนโยบายของพรรค พปชร.ด้วย

นายศักดิ์ชาย ตันเจริญ

นายศักดิ์ชาย ตันเจริญ หรือ มดเล็ก สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดฉะเชิงเทรา (ส.อบจ.) อ.สนามชัยเขต เขต1 ได้ยื่นใบลาออกจากการเป็นสมาชิกสภา อบจ. แล้วเพื่อเตรียมลงสู้ศึกชิงเก้าอี้ ส.ส.ฉะเชิงเทรา เขต3 พรรคเพื่อไทย (พท.) ประกอบด้วย อ.สนามชัยเขต อ.ท่าตะเกียบ อ.พนมสารคาม (ยกเว้น ต.หนองยาว และต.พนมสารคาม)

 

โดยจะเดินทางมาสมัครในวันแรก ซึ่งทาง กกต.จะเปิดรับสมัครระหว่างวันที่ 3-7 เม.ย. แทนบิดา นายสุชาติ ตันเจริญ ที่ผันตัวเองไปลงสมัคร ระบบปาตี้ลิสต์ พรรคเพื่อไทย (พท)

 

สำหรับ นายศักดิ์ชาย ตันเจริญ อายุ 44 ปี จบปริญญาตรี Southern, New Hampshire, University (บริหารธุรกิจ BA degree) เป็นน้องชายของพิธีกรทีวีชื่อดัง คชาภา ตันเจริญ (มดดำ) เป็นบุตรชาย นายสุชาติ ตันเจริญ อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่1 อดีต ส.ส.ฉะเชิงเทรา เขต 3 ลงสมัครเล่นการเมืองท้องถิ่นโดยใด้รับเลือกให้เป็น ส.อบจ.

 

และเมื่อปี 2555 ใด้รับความไว้วางใจจากสภาดำรงค์ตำแน่งเป็นรองประธานสภา อบจ. ฉะเชิงเทรา และลงพื้นที่ให้การช่วยเหลือชาวบ้านอย่างต่อเนื่องแทนบิดาจนได้รับเลือกตั้ง เป็น ส.อบจ. สมัยที่ 2 ในปี 2562 จนถึงปัจจุบัน

 

“น้องแยม” ลงรับสมัครรับเลือกตั้ง

เมื่อวันที่ 27 มี.ค.2566 - นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ในฐานะแกนนำพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) โพสต์เฟซบุ๊กกล่าวถึงเหตุผลในการตัดสินใจลงสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค รทสช. แทนการลงสมัคร ส.ส.ชลบุรี เขต1 ซึ่งเป็นแชมป์เก่าว่า "ทุกคนครับ" เป็นการตัดสินใจที่ยากลำบากมาก แต่ผมคิดมาดีแล้วเมื่อคำนึงถึงผลที่ตามมาในภายภาคหน้า เรื่องของการลงรับสมัครลงเลือกตั้ง ส.ส. พื้นที่เขต 1 ชลบุรี

 

ซึ่งผมได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องมายาวนานหลายสมัย แต่รอบนี้เลือกที่จะส่ง “ณภัสนันท์ อรินทคุณวงษ์” อดีตรองนายกเทศมนตรีตำบลเสม็ด หรือ “น้องแยม” ซึ่งเป็นน้องสาวของภรรยาผมลงแทน และผมจะไปลงสมัครในระบบบัญชีรายชื่อครับ

 


หน้าที่ขอบเขตความรับผิดชอบของผม ณ วันนี้ ต้องดูแลในภาพใหญ่ รวมทั้งสิ้น กว่า 104 เขต และดูแล ส.ส. ทั้งจังหวัดชลบุรี ภาคตะวันตก ภาคตะวันออก ภาคกลาง ฯลฯ โดยการได้รับตำแหน่ง “รัฐมนตรีกระทรวงแรงงาน” ที่ผ่านมา ผมมีโอกาส ได้รับใช้ดูแลพี่น้องแรงงานทั่วทั้งประเทศ การเลือกตั้งครั้งนี้ ผมจึงมุ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผมจะมีความรับผิดชอบที่กว้างขึ้น และทำประโยชน์ให้พี่น้องคนไทยมากกว่าเดิม

 


อีกเหตุผลหนึ่ง ... ถ้าผมลง ส.ส. เขต คงต้องใช้เวลาหาเสียงดูแลเขตของตัวเอง แต่พื้นที่รับผิดชอบอื่นๆ ก็คงทำไม่ได้เต็มที่ เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้ ผมต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้ “ลุงตู่” เป็นนายกฯ อีกสมัย อยากจะร่วมทุ่มเทกับคณะ เดินสายไปปราศรัยตามจังหวัดต่างๆ ...จึงมิใช่หมายมุ่งจะชนะศึกในพื้นที่เก่าของตัวเอง แต่มุ่งเอาชนะสงครามเลือกตั้งใหญ่ภาพรวมให้ได้ แต่ยังไงผมก็ยังคงดูแลพี่น้องชลบุรีอยู่เหมือนเดิม เรียกใช้ผมได้ตลอดเวลาครับ

 

 

“น้องแยม” เป็นคน ตำบลแสนสุข จังหวัดชลบุรี และมีความผูกพันกับที่นี่ เคยเรียนรู้ทำงานด้านการเมืองมาแล้วระยะเวลาหนึ่ง และตัวผมเองได้พูดคุย ฝากฝังกันเป็นอย่างดี ถึงการรับไม้ต่ออาสา จะมาดูแลพี่น้องใน เขต 1 ชลบุรี ต่อจากผม พื้นที่แห่งนี้เป็นจุดเริ่มต้นของชีวิต และเป็นทุกอย่างของผมมาเกือบครึ่งชีวิต การที่จะไว้วางใจให้ใครสักคนมาดูแลพี่น้องประชาชนที่ผมรัก แน่นอนว่า “คนๆนั้นต้องมีความพร้อม และมีเป้าหมายเดียวกันกับผม”

 


เพื่อเป็นการยืนยันความมั่นใจ ในการส่ง “น้องแยม” ลงรับสมัครรับเลือกตั้ง ผมจะพา “น้องแยม” ไปฝากฝังให้ถึงมือพื่น้องชาวชลบุรี เขต 1 ทุกๆคน เร็วๆนี้ด้วยตัวเองครับ
ผมฝาก "น้องแยม" ด้วยครับ

นายชัยวุฒิกล่าว

เมื่อวันที่ 26 มีนาคม ที่ลานตลาดนัดวันอาทิตย์ อ.เมือง จ.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้กล่าวปราศรัยบนเวทีของพรรค พปชร.ว่า บางคน บางพรรคยังพูดถึงโครงการเก่าในอดีต

 

โดยไม่ดูบริบทการเมือง เปลี่ยนแปลงไปหมดแล้ว ผมลงพื้นที่สงสารพี่น้องประชาชน บางพรรคยังพูดถึงกองทุนหมู่บ้านนโยบายเมื่อ 20 ปีที่แล้วซึ่งที่ตนเองได้ลงพื้นที่นั้น ประชาชนได้รับความเดือดร้อนกันมากจากกองทุนหมู่บ้าน พรรค พปชร.จะยกเลิกกองทุนหมู่บ้าน ประชาชนจะได้ไม่ต้องเป็นหนี้

 

นายชัยวุฒิกล่าวต่อว่า เพราะเป็นกองทุนที่สร้างหนี้ให้กับประชาชน จะได้ไม่ต้องสร้างหนี้ให้กับประชาชน เราต้องมองอนาคต ต้องมองนโยบายของพรรคการเมืองที่ทำให้ประชาชนได้ประโยชน์ พร้อมมองว่ามีบางพรรคการเมืองได้คิดนโยบายที่ไกลเกินไป การเลือกตั้งนั้นให้มาเปลี่ยนรัฐบาล แต่อยากเปลี่ยนประเทศไทย คุณทำได้ไหม

 

“ถ้าคนเราเห็นว่าโลกที่เราอยู่มันไม่ดีและมีปัญหาแล้วอยากเปลี่ยนโลกนั้น มีแต่คนบ้าเท่านั้นเพราะโลกเปลี่ยนไม่ได้ แต่ทำให้โลกนี้ดีได้ โดยการตั้งใจทำความดี ทุกอย่างจะดีขึ้นเอง แต่บางพรรคคิดไกลกว่านั้น ไกลแบบที่รู้ว่าคิดอะไร ไม่อยากเปลี่ยนรัฐบาล อยากเปลี่ยนอะไรวะ แล้วเรายอมให้มันเปลี่ยนไหม เขาปลุกระดม ให้ข้อมูลผิดๆ ทำให้คนแตกแยก ทะเลาะกัน ซึ่งนี่คือนโยบายสำคัญของพรรคพลังประชารัฐที่จะมาก้าวข้ามความขัดแย้ง” นายชัยวุฒิกล่าว

 

นายชัยวุฒิกล่าวด้วยว่า วันนี้ติดตามจากสื่อเห็นว่าโพลต่างๆ ไม่มีชื่อของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นนายกรัฐมนตรี ไม่รู้ว่าลืมใส่ หรือลุงป้อมไม่ได้จ่ายเงิน การเลือกตั้งครั้งนี้ถือเป็นครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่งของพวกเรา

 

เพราะเรามีนโยบาย มีความตั้งใจที่จะทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน และเขาก็จะผลักดันให้ พล.อ.ประวิตร เป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อนำนโยบายต่างๆ มาทำประโยชน์ให้กับประชาชน ไม่มีการสืบทอดอำนาจ ไม่มีการเอาเปรียบใคร ทุกอย่างเป็นไปตามประชาธิปไตย

 


TRENDING
© Copyright 2022, All rights reserved. Eec Time Thailand
Take Me Top