‘อิทธิพัทธ์’ โต้ ‘เศรษฐา’ หลังว่าลุงตู่ “ไม่รู้ภาษาอังกฤษ“

จากกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย ได้กล่าวในการหาเสียงที่ตลาดเทศบาลบ้านโป่งว่า ประเทศไทยจีดีพีโตขึ้น 2.3 % ต่ำจนน่าอับอายเพื่อนบ้านที่เขาโตเกิน 5% นายกฯ คนปัจจุบันไม่เคยเดินหน้าหาตลาดใหม่ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้หรือไม่สนใจ พรรคเพื่อไทยไม่ว่าใครเป็นนายกฯ การเปิดตลาดใหม่ถือว่าสำคัญที่สุด

 

ล่าสุดนายอิทธิพัทธ์ เศรษฐยุกานนท์ หรือบอย ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขต 32 เบอร์ 5 ได้ออกมาตอบโต้นายเศรษฐาว่า การที่นายเศรษฐา ออกมาด้อยค่าพล.อ.ประยุทธ์ จันโอชา นายกรัฐมนตรี นี่สะท้อนถึง ระดับจริยธรรม ของนายเศรษฐาได้เป็นอย่างดี เพราะเพียงแค่เข้าสู่ วงการเมืองเต็มตัว ไม่กี่เดือน ก็ใช้วิธี เหยียดหยาม คู่แข่งทางการเมือง ออกมาให้เห็น ในทางกลับกันพล.อ.ประยุทธ์ ไม่เคยใช้วิธีสกปรก ไปใส่ร้าย หรือด้อยค่าคนอื่นเลยแม้แต่น้อย นี่ก็ทำให้เห็นแล้วว่าใครคนไหนที่มีวุฒิภาวะมากกว่ากัน

 

นายอิทธิพัทธ์ ยังกล่าวถึงประเด็นที่นายเศรษฐาถากถางภาษาอังกฤษของพล.อ.ประยุทธ์ ว่า เรื่องภาษาอังกฤษเก่งไม่เก่งนั้น ไม่ใช่ประเด็นสำคัญในการเป็นผู้นำ คุณสมบัติของการเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ได้วัดกันที่ภาษาอังกฤษอย่างเดียว แต่วัดกันที่ความซื่อสัตย์ การแยกชัดเจนระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัวกับผลประโยชน์ของบ้านเมือง เพราะประเทศไม่ใช่ธุรกิจครอบครัว นี่เรากำลังหาผู้นำประเทศอยู่ ไม่ใช่กำลังหาล่ามภาษา หรือไกด์นำเที่ยว ตนอยากจะให้นายเศรษฐาทำความเข้าใจใหม่

 

ทั้งนี้การส่งออกไทย ทั้งปี 2565 (มกราคม–ธันวาคม) มีมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 287,067.9 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีอัตราการเติบโตที่ร้อยละ 5.5 จากข้อมูลจะเห็นว่าการส่งออกไทยสูงสุดในรัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ ในยุคที่นายเศรษฐากล่าวหาว่านายกพูดอังกฤษไม่เป็น

 

รวมถึงพล.อ.ประยุทธ์ ยังทำให้ไทยได้ฟื้นความสัมพันธ์กับซาอุดีอาระเบีย ซึ่งไม่มีรัฐบาลไหนในก่อนหน้าทำได้ นี่ส่งผลให้เกิดความร่วมมือต่อกัน โดยเฉพาะความร่วมมือด้านการค้าที่มีมูลค่ารวม 323,113 ล้านบาทในปี 65 ขยายตัวถึง 37.64% พร้อมทำให้เกิดการลงทุนด้านพลังงานในพื้นที่ EEC สูงถึง 300,000 ล้านบาท

 

ในส่วนของประเด็นที่นายเศรษฐา เผยว่าประเทศไทยจีดีพีโตขึ้น 2.3 % ต่ำจนน่าอับอายเพื่อนบ้านที่เขาโตเกิน 5% นายอิทธิพัทธ์ก็ได้กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า ในปี 64 บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI ได้มีผลการดำเนินงานกำไรสุทธิ (ส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ) อยู่ที่ 2,017 ล้านบาท โตขึ้น 21% จากปี 63 ที่มีกำไรสุทธิฯ 1,673 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 6.8% ของรายได้รวม โตขึ้นจากปีก่อนที่มีอัตรากำไรสุทธิ 4.8%

 

หรือปี 2565ผลประกอบการรอบ 6 เดือนปี 2565 แสนสิริมีกำไรสุทธิ 1,221 ล้านบาท โตขึ้น 17% จากช่วงเดียวกันของปี 2564 โดยมีกำไรสุทธิ เฉพาะไตรมาส 2/65 อยู่ที่ 918 ล้านบาท โต 203% จากไตรมาส 1/65 ที่มีกำไรสุทธิ 303 ล้านบาท และโตขึ้นเกือบ 40% จากไตรมาส 2/64 ที่มีกำไร 662 ล้านบาท

 

ในส่วนบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ปี 2565 ก็กวาดยอดขายได้ 24,468 ล้านบาท เติบโต 12% และมีรายได้รวม 21,685 ล้านบาท เติบโต 11% ซึ่งเป็นรายได้จากการดำเนินงาน 21,583 ล้านบาท

 

นี่ทำให้เห็นว่าจากที่นายเศรษฐา พูดว่าประเทศไทยจีดีพีโตต่ำจนน่าอับอายเพื่อนบ้าน คงจะไม่เป็นความจริง เมื่อดูที่ผลประกอบการของทั้งสองบริษัท ตนอยากถามนายเศรษฐา ว่าไม่เคยหาข้อมูลมาก่อนหรือ

 

นายอิทธิพัทธ์ ยังกล่าวทิ้งท้ายว่า ตนอยากเรียกร้องถึงนายเศรษฐา ให้เลิกใช้วิธีการน้ำเน่า ไม่ออกมาด้อยค่าคนอื่น ตอนนี้ควรแข่งกันด้วยนโยบายที่จะทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี ให้ประเทศเดินไปข้างหน้า ไม่ใช่เล่นเป็นเด็กเห็นคนอื่นดีกว่า แล้วงอแงฟ้องแม่โดยการใส่ร้าย