Friday, 19 April 2024
CRIMES

ดักจับกุมแก๊งลักลอบขำเข้าเนื้อสุกร

กรมศุลกากรจับกุมเนื้อสุกรแช่แข็งซุกซ่อนในรถกระบะ จำนวน 950 กิโลกรัม รวมมูลค่า 141,300 บาท บริเวณถนนป่าไร่-ดงงู ตำบลป่าไร่ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว โดย นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ รองอธิบดีกรมศุลกากร รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษา ด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีการลักลอบนำเนื้อสุกรและชิ้นส่วนสุกรที่มีถิ่นกำเนิดจากต่างประเทศเข้ามาจำหน่ายในราชอาณาจักรไทย 

กรมศุลกากรจึงให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ต่าง ๆ เข้มงวดในการตรวจค้นจุดที่มีความเสี่ยงในการลักลอบนำเนื้อสุกรและชิ้นส่วนสุกรเข้ามาในประเทศ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค ASF ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของผู้บริโภค พร้อมปกป้องเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรในประเทศอย่างต่อเนื่อง 

PCT ถล่มร้านปืนออนไลน์ ยึดอาวุธปืนสงครามและกระสุนปืนจำนวนมาก พร้อมขยายผลยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้อง

ตามนโยบายของรัฐบาลโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้กวดขันจับกุมปราบปรามการกระทำความผิดทางเทคโนโลยีออนไลน์ ซึ่งเป็นการกระทำความผิดที่เข้าถึงได้ง่าย เป็นการมอมเมาประชาชน และบ่อนทำลายชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติโดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญ จึงได้มีคำสั่ง ตร.ที่ 469/2565 ลง 21 ต.ค.2565 เรื่อง ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) และมอบหมายให้ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร.ทำหน้าที่ผู้อำนวยการศูนย์ฯ จึงมีคำสั่งกำชับให้กวดขัน จับกุมปราบปรามการกระทำความผิดทางออนไลน์ทุกประเภท รวมถึงการติดตามจับกุมบุคคลตามหมายจับรับจ้างเปิดบัญชี (บัญชีม้า)

โดยในห้วงของการระดมที่ผ่านมา ศปอส.ตร.ได้มีการระดมจับกุมผู้กระทำความผิดที่มีหมายจับเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ระหว่างวันที่ 6-10 ธันวาคม 2565 ปรากฏผลการที่น่าสนใจสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดที่มีหมายจับได้จำนวนมาก กล่าวคือ

1.) หมายจับในความผิดฐานฉ้อโกง จำนวน 616 ราย ผู้ต้องหา 595 คน

2.) หมายจับความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน จำนวน 410 ราย ผู้ต้องหา 384 คน

3.) หมายจับความผิดตาม พ.ร.ก. การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 จำนวน 28 ราย 22 คน

และ 4.) ความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 จำนวน 873 ราย ผู้ต้องหา 830 คน รวมจับกุมได้ทั้งสิ้น 1,927 ราย ผู้ต้องหา 1,831 คน

ในการแถลงนี้เป็นผลการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการที่ 4 นำโดย พล.ต.ต.สุทธิพงศ์ แจ้งอริยวงค์ ผบก.ส.2 บช.ส./หน.ชป.4 ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) ได้สืบทราบว่ามีกลุ่มคนร้ายร่วมกันเปิดเวปซื้อขายอาวุธปืนเถื่อนและกระสุนปืน ซึ่งประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงสื่อและสั่งซื้อทางออนไลน์ได้อย่างง่ายดาย ต่อมาจากการสืบสวนทราบว่ากลุ่มดังกล่าวมีการแบ่งหน้าที่กันทำกระจายอยู่ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่, จังหวัดสุรินทร์ และจังหวัดชลบุรี จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ

ต่อมาวันที่ 15 ธ.ค.65 ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ฯ, พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ฯ, พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.กมค./ผู้ช่วย ผอ.ฯ/หน.ด้านปฏิบัติการฯ และ พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.สพฐ.ตร./หน.ด้านข่าวสารฯ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ ศปอส.ตร.ชุดที่ 4 (PCT ชุดที่ 4) นำโดย พล.ต.ต.สุทธิพงศ์ แจ้งอริยวงศ์ ผบก.ส.2/หน.ชป.ฯ, พ.ต.อ.กฤตัชญ์ บำรุงรัตนยศ รอง ผบก.ปคม., พ.ต.อ.ไกลเขต บุรีรักษ์ รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.ทิวา โสภาเจริญ รอง ผบก.ปส.4, พ.ต.อ.ทรงกลด เกริกกฤตยา รอง ผบก.ส., พ.ต.อ.คมสพัสส์ ทองคำนิธิวิรากุล ผกก.ฯ, พ.ต.อ.จิรพงศ์ รุจิรดำรงค์ชัย ผกก.ฯ และ พ.ต.อ.นรวัตน์ คำภิโล ผกก.ฯ พร้อมด้วย จนท.ศปอส.ตร.ชุดที่ 4 เข้าตรวจค้นจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาดังกล่าว

โดยก่อนเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้ทำการสืบสวนทราบว่ากลุ่มเครือข่ายมีการกระทำผิดและหลบซ่อนตัวอยู่ในหลายพื้นที่ได้แก่ อ.สันกำแพง จว.เชียงใหม่, อ.เมือง จว.สุรินทร์ และ อ.บ้านบึง จว.ชลบุรี จึงได้รวบรวมหลักฐานและขออนุมัติหมายค้นและหมายจับต่อศาลอาญาเพื่อเปิดปฏิบัติการในครั้งนี้ ผลการปฏิบัติสามารถตรวจค้นจับกุมกลุ่มผู้ค้าอาวุธปืนเถื่อนออนไลน์ภายใต้ชื่อ “LOS SANTOS” ได้ดังนี้

ความคืบหน้าคนไทย 7 คน หลบหนีสถานที่กักขัง เครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนในกัมพูชา กลับถึงประเทศไทยแล้ว

(สระแก้ว) ความคืบหน้าคนไทย 7 คน หลบหนีสถานที่กักขัง เครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนในเมืองวาเวต ประเทศกัมพูชา กลับถึงประเทศไทยแล้ว โดย 4 คนเข้า-ออกถูกต้อง มีหนังสือเดินทาง แต่ถูกยึดและบังคับให้ทำงาน ซึ่ง 1 ใน 4 คน ทำไม่ได้ ถูกซ้อมและทำร้ายร่างกาย เพราะหลอกคนไทยไม่สำเร็จ

เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความคืบหน้ากรณีคนไทยผู้ใช้เฟซบุกชื่อว่า “แร้วงัย คัยแคร์” ได้ไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊ก ขอความช่วยเหลือเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา โดยบอกว่า เป็นคนไทย 7 คน กำลังหนีเอาชีวิตรอดจากการถูกหลอกและกักขังบังคับให้ทำคอลเซ็นเตอร์ชาวจีน ที่พิกัดเมืองบาเวต ประเทศกัมพูชา ติดชายแดนประเทศเวียดนาม แต่หนีออกจากบริเวณดังกล่าวไม่ได้ เนื่องจากมีลวดไฟฟ้า ต้องไปรวมตัวกันหลบอยู่ใต้บันไดหลายชั่วโมง ต้องการความช่วยเหลือจากหน่วยงานรัฐไทยและกัมพูชา ซึ่งถือว่า เข้าข่ายการค้ามนุษย์ หากไม่มีการช่วยเหลือจะถูกตามจับกลับไปกักขังอีก โดยบอกเล่าเหตุการณ์ผ่านเฟซบุ๊ก

จนกระทั่ง สามารถเจรจากับพนักงานรักษาความปลอดภัยชาวกัมพูชา จนนายทุนชาวจีนสั่งให้ปล่อยตัวทั้งหมดออกไปเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา และทั้งหมดได้เหมารถตุ๊ก ๆ ออกมาจากพื้นที่และประสานเช่ารถ เดินทางออกมาจากพื้นที่เมืองบาเวต มายังกรุงพนมเปญ เพื่อประสานงานกับทางสถานทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ ขอให้ส่งตัวเดินทางกลับประเทศไทย

ล่าสุด ช่วงเวลา 19.00 น.วานนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.รุ่ง ทองมนต์ ผกก.ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้ว ร่วมกับ พ.อ.อนุพงศ์ มูลบรรจบ ผบ.ชุดควบคุมกรมทหารพรานที่ 13 โดยเจ้าหน้าที่กองร้อยทหารพรานที่ 1302 ,นายบุรินทร์ ล่วงเขต ผช.ป้องกันจังหวัดสระแก้ว และกลุ่มช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์ต่างแดน ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า “ก็แค่ คนธรรมดา” ได้ร่วมรับตัวคนไทยเหยื่อที่ถูกหลอกลวง ชักชวนให้ลักลอบข้ามแดนไปทำงานในกัมพูชา กลับสู่ประเทศไทย จำนวน 7 คน แบ่งเป็น ชาย 2 คน หญิง 5 คน ประกอบด้วย น.ส.วันวิสา (ขอสงวนนามสกุล), นายอภินันท์ (ขอสงวนนามสกุล), น.ส.จันทิมา (ขอสงวนนามสกุล), น.ส.สายธาร (ขอสงวนนามสกุล), น.ส.กฤษดาพร (ขอสงวนนามสกุล), นายประยูร (ขอสงวนนามสกุล) และ น.ส.อโณชา (ขอสงวนนามสกุล) บริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก ต.อรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ก่อนนำตัวมาสอบสวน ณ บริเวณทำการกองร้อยทหารพรานที่ 1302 และเข้าสู่กระบวนการคัดแยกเหยื่อตามขั้นตอน ก่อนส่งตัวกลับภูมิลำเนา


TRENDING
© Copyright 2022, All rights reserved. Eec Time Thailand
Take Me Top