Friday, 26 April 2024
นักท่องเที่ยวจีน

‘อนุทิน’ แจงมาตรการป้องกันโควิดรับนักท่องเที่ยวยึดหลักเท่าเทียมทุกชาติ เน้นรับวัคซีน มีประกันสุขภาพ ตรวจสายพันธุ์ไวรัสในน้ำเสียจากเครื่องบินเพื่อการเฝ้าระวัง

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แจงมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 ในกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน เตรียมเสนอวันที่ 5 มกราคมนี้ ยึดหลักปฏิบัติเท่าเทียมกันทุกชาติและเป็นไปตามมาตรฐานทางวิชาการ ตรวจเฝ้าระวังเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ในน้ำเสียจากเครื่องบิน ผู้เดินทางต้องได้รับวัคซีนอย่างน้อย 2 เข็ม มีประกันสุขภาพครอบคลุมการรักษาโควิด-19 พร้อมสื่อสารมาตรการป้องกันตนเอง คาดนักท่องเที่ยวจีนจะทยอยเดินทางมาไตรมาสแรก 3 แสนคน สามารถวางแผนรับมือได้อย่างเป็นระบบ

(4 ม.ค.66) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แถลงถึงสถานการณ์โรคโควิด-19 และการเตรียมความพร้อมรองรับผู้เดินทางจากประเทศจีน ภายหลังการประชุมผู้บริหารระดับสูงกระทรวงสาธารณสุข ว่า สถานการณ์โรคโควิด 19 ของประเทศไทยมีแนวโน้มลดลง โดยข้อมูลวันที่ 25-31 ธันวาคม 2565 มีผู้ป่วยรักษาในโรงพยาบาล 2,111 ราย เฉลี่ย 301 รายต่อวัน ผู้ป่วยปอดอักเสบ 529 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 352 ราย และผู้เสียชีวิต 75 ราย เฉลี่ย 10 รายต่อวัน โดยเกือบทั้งหมดยังเป็นกลุ่มเสี่ยง 608 ที่ไม่ได้รับวัคซีน ได้รับวัคซีนไม่ครบ ไม่ได้รับเข็มกระตุ้น หรือได้รับเข็มกระตุ้นนานเกิน 3 เดือนขึ้นไป โดยกระทรวงสาธารณสุขแนะนำให้ทุกคนฉีดวัคซีนให้ครบ 4 เข็ม เว้นระยะห่างทุก 4 เดือน ซึ่งช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีการรับบริการวัคซีนเพิ่มขึ้น 277,206 โดส สะสม 145,928,256 โดส โดยเป็นเข็มแรกร้อยละ 82.7 เข็มที่ 2 ร้อยละ 77.7 เข็มที่ 3 ร้อยละ 38.9 และเข็มที่ 4 ร้อยละ 9.1

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีจีนเตรียมเปิดประเทศ จากการประมาณการนักท่องเที่ยวจีนในไตรมาสแรก (มกราคม-มีนาคม 2566) มีประมาณ 3 แสนคน คิดเป็น 5% ของนักท่องเที่ยวทุกชาติรวมกัน คาดว่ามกราคมจะเข้ามา 60,000 คน กุมภาพันธ์ 90,000 คน และมีนาคม 150,000 คน โดยจะเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากปัจจุบันยังมีเที่ยวบินจำกัด มีระยะเวลาในการขอทำหนังสือเดินทางและการขอวีซ่า และรัฐบาลจีนยังไม่อนุญาตให้บริษัทนำเที่ยวนำกลุ่มทัวร์ออกนอกประเทศ ผู้เดินทางจะเป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางด้วยตัวเองและเป็นกลุ่มนักเดินทางระดับบนที่มีกำลังซื้อ

‘อนุทิน’ ย้ำ มาตรการดูแลนักท่องเที่ยวทุกชาติเท่าเทียม ชี้ ปรับตามสถานการณ์ที่เปลี่ยน วอน อย่าตั้งป้อมรับจีน เพราะไม่เคยขัดแย้งกัน

(5 ม.ค.66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมเตรียมความพร้อมรับผู้เดินทางเข้าประเทศจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เร้นท์ ว่า วันนี้ข้อสรุปแต่ละมาตรการมีอยู่แล้ว และจะนำมาหารือและแจ้งให้แต่ละหน่วยงานทราบในการต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนที่จะเขามาในไทย ที่คาดว่าในต้นปีจะมีประมาณ 4-5 หมื่นคน และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้รับทราบมาตรการรองรับสถานการณ์ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศไทย และเป็นไปในแนวทางเดียวกัน แล้วจะสอบถามกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เรื่องค่าเหยียบแผ่นดิน ที่เปรียบเหมือนการทำประกันของนักท่องเที่ยว ที่จะต้องดูนักท่องเที่ยวที่เจ็บป่วย ไม่เฉพาะโควิด-19 จะมีผลบังคับใช้เมื่อไหร่ จะได้มีงบประมาณดำเนินการ ขณะที่ระบบสาธารณสุขของไทย ทางสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ก็มีงบประมาณก้อนหนึ่งสำหรับดูแลนักท่องเที่ยวต่างชาติเช่นกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่านักท่องเที่ยวจีนจะต้องตรวจหาเชื้อโควิด-19 ทันทีที่ถึงสนามบินหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องนี้กรมควบคุมโรค จะกำหนดมาตรการออกมาตามสถานการณ์ และจะมีข้อกำหนดเป็นแนวทางปฏิบัติ และต้องทำเต็มที่กับทุกประเทศอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ให้เกิดปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

เมื่อถามว่ามาตรการป้องกันกรณีที่นักท่องเที่ยวจะเดินทางเข้ามาครั้งนี้แตกต่างจากที่ผ่านมาอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า เราจะใช้มาตรการที่มีอยู่เดิมให้มากที่สุด และเรารับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ไม่ใช่เฉพาะกับจีน แต่อีกทางจะต้องเน้นที่ตัวเองต้องหุ้มเกราะ คือฉีดวัคซีนให้เรียบร้อยก่อน อย่างน้อย 4 เข็มเพื่อความปลอดภัยและลดความเสี่ยงโดยสวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะและพื้นที่แออัด ในส่วนของนักท่องเที่ยวจีน เขามีการตรวจก่อนเดินทางออกนอกประเทศและเมื่อกลับเข้าประเทศ ในขณะที่สถานทูตจีน ได้ประสานกับโรงพยาบาลที่จะทำการรักษาไว้เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้นักท่องเที่ยว ที่เข้ามาสามารถเดินทางไปได้ทั่วประเทศ ไม่ได้แบ่งว่าเป็นนักท่องเที่ยวชาติไหน เพราะเราถือว่าเป็นนักท่องเที่ยวทั้งหมด แต่ละคนก็มาจากประเทศที่มีการติดเชื้ออยู่ที่ว่าจะเป็นเชื้อใหม่หรือเก่า ถ้าเป็นเชื้อใหม่ มาตรการรับมือก็เปลี่ยนได้ ดังนั้นอย่านำมาตรการของไทยไปเทียบกับประเทศอื่น เพราะนี่ประเทศไทยไม่เหมือนกัน

‘อนุทิน’ ชี้ ประเทศไหนที่ต้องตรวจโควิดก่อนกลับ ต้องซื้อประกันสุขภาพ ไม่เฉพาะแค่ประเทศจีน

‘อนุทิน’ ยันมาตรการรับ ‘นักท่องเที่ยวต่างชาติ’ รัดกุม เผยให้ซื้อประกันสุขภาพ สำหรับประเทศตีกรอบต้องตรวจRT-PCR พร้อมจับมือตั้งศูนย์อำนวยความสะดวกฯ ลั่น!! อย่าตระหนก จนเสียโอกาสฟื้นเศรษฐกิจ เผยจับมือ ‘ศักดิ์สยาม-พิพัฒน์’ รับนักท่องเที่ยวไฟลท์แรกถึงสนามบินสุวรรณภูมิ 12 ม.ค.นี้

(5 ม.ค.66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์หลังประชุมเตรียมความพร้อมรับผู้เดินทางเข้าประเทศจากสาธารณรัฐประชาชนจีน มีกระทรวงคมนาคม กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงสาธารณสุข กรุงเทพมหานคร กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เข้าร่วม ว่า วันนี้เป็นการทำความเข้าใจเรื่องของการรับนักท่องเที่ยว ทั้งด้านการคมนาคม ท่องเที่ยว และสาธารณสุข โดยแต่ละหน่วยงาน รับทราบมาตรการและรับปฏิบัติ ขณะที่ กทม.พร้อมให้ความร่วมมืออย่างดี ยืนยันว่ามีมาตรการพร้อมรับนักท่องเที่ยวในทุกมิติ และสามารถปรับเปลี่ยนเพิ่มเติมได้ตลอดตามความเหมาะสม โดยจะตั้งศูนย์ปฏิบัติการร่วมอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยว สำหรับผู้ประกอบการร้านอาหารขอให้คงมาตรฐานชาพลัส (SHA+) ผู้ให้บริการสวมหน้ากากอนามัย

นายอนุทิน กล่าวว่า ที่ประชุมเห็นว่าประเทศที่มีข้อกำหนดให้นักท่องเที่ยวจะต้องตรวจ RT-PCR ก่อนเดินทางกลับเข้าประเทศตัวเองนั้น จะต้องซื้อประกันสุขภาพ ทุกประเทศไม่เฉพาะแค่ประเทศจีนประเทศ โดยเงื่อนไขของประกันเป็นไปตามหลักสากลในการรักษาพยาบาล และยังครอบคลุมโควิด-19 หากตรวจพบสามารถรักษาตามปกติ ส่วนประเทศใดที่ไม่มีเงื่อนไขต้องตรวจRT PCR ขอแนะนำให้ซื้อประกันสุขภาพไว้เช่นกัน เพื่อความสะดวกด้านต่างๆ หากมีการติดเชื้อหรือเจ็บป่วย จะมีสถานที่รักษา สำหรับประเด็นค่าเหยียบแผ่นดิน ซึ่งเป็นเรื่องของกระทรวงการท่องเที่ยวถือเป็นคนละเรื่องกัน และยังไม่ได้มีผลบังคับใช้

อนุทิน เผย อุปทูตจีน ขอบคุณไทยไม่เลือกปฏิบัติ รับ นทท.เท่าเทียม ชี้ ซื้อประกันโควิด-19 รองรับหากติดเชื้อก่อนขึ้นเครื่องกลับ ปท.

เมื่อวานนี้ (5 ม.ค. 66) ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมรับนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาประเทศ ว่า สำหรับข้อกำหนดเรื่องการซื้อประกันสุขภาพที่ครอบคลุมการรักษาโควิด-19 ในประเทศที่มีข้อกำหนดว่า จะต้องมีผลตรวจ RT-PCR ก่อนเดินทางกลับเข้าประเทศ ก็เพื่อดูแลนักท่องเที่ยวที่เข้ามาประเทศไทย เพราะหากก่อนขึ้นเครื่องแล้วผลเป็นบวก ก็ไม่สามารถเดินทางกลับได้ ดังนั้น ก็ต้องมีประกันมารองรับ ส่วนเรื่องวงเงินประกันขั้นต่ำ เป็นเรื่องที่ทุกประเทศที่มีกำหนดอยู่แล้ว เป็นปกติของการเดินทาง ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องกังวล

‘อนุทิน’ ร่วมต้อนรับ นทท.จีน เที่ยวบินแรก ย้ำ!! ไม่ต้องแสดงใบรับวัคซีนโควิด-19

(9 ม.ค. 66) เมื่อเวลา 13.00 น. ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังการต้อนรับผู้เดินทางเที่ยวบินแรกหลังจากจีนเปิดประเทศ ว่า เที่ยวบินแรกมาจากเซี๊ยะเหมิน จำนวน 269 คน ในวันนี้จะมีเที่ยวบินจากจีนเข้ามา 15 เที่ยวบิน จำนวน 3,465 คน คาดการณ์ว่าในปี 2566 จะมีผู้เดินทางจากจีนเข้าไทยราว 7-10 ล้านคน จากเดิมที่ก่อนมีโควิด-19 มีราว 20 ล้านคน และผู้เดินทางจากทั่วโลกเข้าไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เป็นสัญญาณดีต่อภาคการท่องเที่ยว คนมีงานทำ และมีโอกาส

“ทั้งหมดเข้ามาภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19 ของประเทศไทย ซึ่งมีความเหมาะสมกับสถานการณ์ เพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพ ซึ่งเป็นมาตรการที่เหมือนกันสำหรับผู้เดินทางเข้าไทยจากทุกประเทศ และมั่นใจประเทศไทยมีความพร้อมรับผู้เดินทางจากทุกประเทศ ไม่มีการแบ่งแยกจนกว่าจะมีความจำเป็น” นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวว่า สำหรับมาตรการผู้เดินทางเข้าไทยนั้น ยกเลิกการแสดงเอกสารฉีดวัคซีนโควิด-19 เริ่มตั้งแต่ 9 ม.ค.2566 เป็นต้นไป เนื่องจากคณะกรรมการวิชาการตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) โรคติดต่อ พ.ศ.2558 มีการประชุมเมื่อช่วงเช้า มีความเห็นว่า การฉีดวัคซีนโควิด-19 ในประเทศไทยครอบคลุมจำนวนมาก รวมถึง ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกส่วนใหญ่ก็มีการฉีดวัคซีนจำนวนมากแล้ว ขณะที่การกำหนดให้แสดงเอกสารฉีดวัคซีนจะทำให้เกิดความไม่คล่องตัว จึงไม่มีความจำเป็นต้องแสดง ฉะนั้น มาตรการเข้าไทยตอนนี้ คงเหลือต้องมีประกันสุขภาพครอบคลุมการรักษาโรคโควิด-19 สำหรับผู้เดินทางจากประเทศที่กำหนดว่าเมื่อจะกลับเข้าประเทศนั้น ๆ จะต้องแสดงผลการตรวจโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR เพื่อที่หากตรวจพบเชื้อแล้วต้องรักษาในประเทศไทย จะได้มีการรองรับค่าใช้จ่าย

‘นักท่องเที่ยวจีน’ ดีใจกลับมาประเทศไทยในรอบ 3 ปี รัฐมนตรีต้อนรับเที่ยวบินแรก พร้อมยืนยันมาตรการควบคุมโรคเท่าเทียมกัน ไม่เลือกปฏิบัติ

สื่อมวลชนจีนรายงานข่าว เที่ยวบิน MF833 จากเมืองเซี่ยะเหมินลงจอดที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อเวลา 13.17 น. วันที่ 9 มกราคม ถือเป็นเที่ยวบินปฐมฤกษ์หลังจากรัฐบาลจีนผ่อนปรนมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 อนุญาตให้ชาวจีนเดินทางออกนอกประเทศได้

ผู้โดยสารในเที่ยวบินนี้ 269 คนเดินทางถึงประเทศไทยโดยสวัสดิภาพ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมต้อนรับนักท่องเที่ยวจากสาธารณรัฐประชาชนจีนที่เดินทางมายังประเทศไทย

นักท่องเที่ยวจีนได้รับมอบขวัญจากคณะผู้แทนของไทย หลายคนถ่ายรูปกับรัฐมนตรีเป็นที่ระลึก นักท่องเที่ยวจีนต่างบอกว่า คิดถึงประเทศไทยเพราะไม่ได้เดินทางมาต่างประเทศนานกว่า 3 ปี นักท่องเที่ยวคาดหวังว่าสนามบินสุวรรณภูมิจะพัฒนาการอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว ทั้งการตรวจลงตราหนังสือเดินทาง การขนส่งกระเป๋า และระบบคมนาคมสาธารณะ

คึกคัก! เมืองพัทยาเริ่มนำโคมไฟสีแดง ออกประดับตามถนนสายต่าง ๆ สร้างสีสันต้อนรับเทศกาลตรุษจีน 2023

ที่พัทยา เจ้าหน้าที่นำโคมไฟสีแดงออกประดับประดาตามถนนสายต่าง ๆ พร้อมตกแต่งสถานที่อย่างสวยงาม สร้างสีสันการท่องเที่ยวให้พื้นที่ โดยเฉพาะถนนสายชายหาด ที่มีความโดดเด่นทั้งกลางวันและค่ำคืน ดึงดูดชาวเน็ตแห่ถ่ายลงโชเซียล ขณะผู้ประกอบการย่านถนนวอล์กกิ้งสตรีท พากันตกแต่งหน้าร้านอย่างสวยงาม

เมื่อวันที่ 17 ม.ค. 2566 ผู้สื่อข่าวบรรยากาศการต้อนรับเทศกาลตรุษจีนประจำปี 2566 ในเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ว่า เริ่มมีความคึกคักมากขึ้น หลังเมืองพัทยาได้นำโคมไฟสีแดงออกติดตั้งและประดับประดาตามถนนสายต่าง ๆ รวมทั้งถนนเลียบชายหาดพัทยา แหล่งท่องเที่ยวสำคัญระดับโลก ที่มีการนำโคมแดงติดตั้งตลอดระยะทางยาว 40 เมตร ปลุกบรรยากาศการท่องเที่ยวช่วงค่ำคืนให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง ส่วนช่วงกลางวันทำให้ถนนสายนี้เกิดความงดงามไม่แพ้กัน

ไม่เพียงเท่านั้นภายในถนนคนเดินวอล์กกิ้งสตรีท พัทยาใต้ พบว่าสถานบันเทิงต่างๆ ได้พากันนำโคมสีแดงออกมาตกแต่งร้าน เพื่อสร้างบรรยากาศต้อนรับนักท่องเที่ยวจีน ที่จะทยอยกลับเข้าพื้นที่หลังเทศกาลตรุษจีนเป็นต้นไป

ปล่อยไว้ไม่ได้!! ‘อนุทิน’ ลั่น!! ต้องจัดการ ตร. นำรถ นทท.จีน ยัน!! ไม่กระทบภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทย

(23 ม.ค. 66) เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์กรณีคลิปเผยแพร่ตำรวจอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวจีนในสนามบิน ว่า เขาอาจใช้วิธีซิกแซ็ก ตามกฎหมายไม่มีเรื่องดังกล่าว การใช้ทรัพย์สินหรือบุคลากรของทางราชการ มาอำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเป็นสิ่งที่ทําไม่ได้อยู่แล้ว เป็นเรื่องที่หน่วยงานต้นสังกัดของผู้ที่ไปอำนวยความสะดวกต้องไปแก้ปัญหา ดูว่าเขาทำผิดระเบียบหรือไม่ เรื่องนี้มีบทกำหนดการลงโทษอยู่ ยืนยันว่าในเรื่องของการท่องเที่ยว หากใครโฆษณาว่าใช้รถตำรวจนำได้ ก็มีแต่ถ้าทำผิดมาก ๆ ก็นำไปโรงพัก นําไปศาล เพื่อดำเนินคดี เรามีระบบที่เป็นมาตรฐานอยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการไปประชาสัมพันธ์ว่าสามารถทําได้ นายอนุทิน กล่าวว่า การตั้งใจกระทำผิดเพื่อประโยชน์การสร้างรายได้ ก็เป็นความเสี่ยงของเขา ถ้าคนไปเชื่อและใช้บริการเขา แล้ววันหนึ่งเกิดทําไม่ได้ เขาก็ต้องเดือดร้อน อาจต้องถูกดำเนินคดี สุดท้ายธุรกิจก็ไม่ยั่งยืน คนที่โฆษณาเช่นนี้ก็จะผิดต่อลูกค้าของเขา แต่คนที่ไปให้บริการแบบนี้ ถือว่าผิดกฎหมายบ้านเมืองและผิดระเบียบในทุก ๆ เรื่องอยู่แล้ว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ต้องถูกดำเนินคดีและถูกลงโทษ ไม่ต้องกังวล ไม่ได้เป็นส่วนที่ทําให้ประเทศไทยจะสูญเสียนักท่องเที่ยว เพราะเราไม่ได้โฆษณาว่ามาเมืองไทยแล้วจะมีรถนํา

‘ลุงหนู’ กำชับ ‘สธ. - คมนาคม - ท่องเที่ยว’ อำนวยความสะดวก - ดูแลมาตรการโควิดทัวร์จีน

(5 ก.พ.66) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้ (6 ก.พ.) จะเป็นวันแรกที่ทางการจีนจะเริ่มอนุญาตให้ชาวจีนเดินทางไปท่องเที่ยวแบบหมู่คณะหรือกรุ๊ปทัวร์ได้ใน 20 ประเทศซึ่งรวมถึงประเทศไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ได้กำชับหน่วยงานในกำกับ ได้แก่ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงคมนาคม และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้ตรวจความพร้อมในด้านต่างๆ สำหรับการอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว ตลอดจนการดูแลให้เป็นไปตามมาตรฐานการควบคุมโรค

ทั้งนี้ หน่วยงานทั้งรัฐและเอกชนประเมินสอดคล้องกันว่านักท่องเที่ยวจีนจะเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพราะแม้จะมีการอนุญาตให้เดินทางเป็นกรุ๊ปทัวร์ไปต่างประเทศ แต่บริษัทท่องเที่ยวที่หยุดดำเนินการมานานเกือบ 3 ปี จะต้องใช้เวลาในการปรับตัว โดยบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย (บวท.) ประเมินว่าปริมาณเที่ยวบินจากจีนมายังประเทศไทยตลอดปี 66 จะอยู่ที่ 36,896 เที่ยวบิน เพิ่มจากปี 65 ร้อยละ 227.6% หรือ 2 เท่า โดยเที่ยวบินจะเพิ่มอย่างค่อยเป็นค่อยไปและจะมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง และคาดว่าจะกลับมาเท่ากับปี 62 ซึ่งเป็นช่วงก่อนการระบาดของโควิด-19 ได้ในปี 67

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า สำหรับความพร้อมด้านคมนาคม นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ได้มีการติดตามการอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่องและใกล้ชิด โดยในวันที่ 9 ก.พ.นี้ มีกำหนดการตรวจเยี่ยมและติดตามข้อสั่งการต่างๆ ที่ท่าอากาศสุวรรณภูมิ ซึ่งนอกจากการลงพื้นที่ตรวจความพร้อมของจุดบริการต่างๆ ในท่าอากาศยาน จะมีการประชุมผ่านระบบออนไลน์ร่วมกับท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) ซึ่งเป็นท่าอากาศยานระหว่างประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพื่อติดตามสถานการณ์ของแต่ละท่าอากาศยานภายหลังสาธารณรัฐประชาชนจีนเปิดประเทศ รวมถึงติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาการขนถ่ายกระเป๋าสัมภาระในท่าอากาศยานให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

ที่มา: https://siamrath.co.th/n/420615


TRENDING
© Copyright 2022, All rights reserved. Eec Time Thailand
Take Me Top