Saturday, 20 April 2024
CRIMES

หนีไม่รอด!! สตม.สระแก้ว รวบ 2 ผู้ต้องหาหนีหมายจับ ขณะทำการหลบหนีไปปอยเปต

เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองสระแก้ว จับกุมผู้ต้องหาหนีหมายจับของศาลจังหวัดสระแก้ว และศาลจังหวัดนางรอง ที่บริเวณด่านผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อำเภออรัญประเทศ ขณะเตรียมเดินทางออกนอกประเทศไปยังฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา

วันที่ 31 ม.ค. 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก ตำบลอรัญประเทศ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้ว ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.รุ่ง ทองมนต์ ผกก.ตม.จว.สระแก้ว, พ.ต.อ.พัฒนชัย ภมรพิบูลย์ ผกก., พ.ต.อ.วนัสชัย ยิ่งยงสมสวัสดิ์ ผกก.1 บก.ปส.2., พ.ต.อ.ธนเสฏฐ์ ประชาชัยศรี ผกก.สส.3 บก.สส.ภ.2, พ.ต.อ.สมชาย ธีรภัทรไพศาล ผกก.2 บก.ทท.1, พ.ต.ท.ธันยวิช มณีโซติ รอง ผกก.1 บก.ปส.2, พ.ต.ท.สาโรจน์ ติระกิจพาณิชย์ รอง ผกก ตม.จว.สระแก้ว, พ.ต.ท.จิรพัฒน์ เขียวศิริ สว.ส.ทท.3 กก.2 บก. ทท.1 สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ตม.จว.สระแก้ว ประกอบด้วย พ.ต.ต.วงศกร วรรณสมบูรณ์ สว.ฯ, ร.ต.อ.หญิงประภารัตน์ ปิ่นประดับ รอง สว.ตม.จว.สระแก้ว, ร.ต.ท.สุรภูมิ กองไพรวัลย์ รอง สว.ฯ, ด.ต.วิทยา กาวิชัย ผบ.หมู่ฯ ร่วมกับ ตำรวจท่องเที่ยวสระแก้ว, ตำรวจ สภ.คลองลึก, ตำรวจ กก.1 บก.ปส.2 บช.ปส. ,ตำรวจ กก.สืบสวน 3 บก.สส.ภ.2 และ ตำรวจชุดสืบสวน กก.2 บก.ทท.1 ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายจีระศักดิ์ จำนงค์รักษ์ อายุ 23 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสระแก้ว ที่ จ.25/2566 ลง 24 มกราคม 2566 โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “ยักยอกทรัพย์”

ทั้งนี้ สำหรับพฤติการณ์ก่อนจับกุม เจ้าหน้าที่ชุดจับทราบจากสายลับไม่ประสงค์ออกนาม แต่ประสงค์จะขอรับเงินรางวัล ว่าจะมีผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสระแก้ว จำนวน 1 คน จะเดินทางหนีออกไปนอกราชอาณาจักรไทย ทางจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก ต.อรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว

ต่อมา เมื่อช่วงค่ำเวลาประมาณ 20.00 น.วานนี้ (30 ม.ค.) เจ้าหน้า ตม.จว.สระแก้ว โดยเจ้าหน้าที่ประจำจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก พร้อมชุดจับกุมได้ขอตรวจสอบหมายจับของผู้ต้องหา และตรวจพบว่า ผู้ต้องหาเป็นบุคคลตามหมายจับของศาลจังหวัดสระแก้ว ชุดจับกุมจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจแสดงหมายจับให้ผู้ถูกจับดู และได้อ่านให้ฟังเป็นที่เข้าใจ และผู้ต้องหายอมรับว่า เป็นบุคคลเดียวกันตามหมายจับของศาลจังหวัดสระแก้ว ต้องหาว่ากระทำความผิดฐานดังกล่าวจริง และไม่เคยถูกจับกุมดำเนินคดีมาก่อน จึงแจ้งให้ทราบว่าเขาต้องถูกจับ พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาและสิทธิ์ให้ทราบ ก่อนควบคุมตัวไปทำบันทึกจับกุม และนำตัวส่งให้ สภ.ปางสีดา เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย

รวบหนุ่มเขมรแสบ!! ขนแรงงานเถื่อน 11 คน ส่งชายแดนจ่ายหัวละ 1,500 บาท

จับกุมหนุ่มเขมรสุดแสบ ขับรถไปรับแรงงานชาวกัมพูชา 11 คน จากชลบุรี เพื่อนำส่งชายแดนบ้านเขาดิน อำเภอคลองหาด จังหวัดสระแก้ว เพื่อลักลอบเดินเท้าข้ามชายแดน บริเวณช่องธรรมชาติกลับประเทศกัมพูชา ในช่วงเทศกาลตรุษจีน สารภาพจ่ายหัวละ 1,500 บาท หลังพบว่าก่อนนี้มีการลักลอบเข้ามาทำงานในไทยโดยผิดกฎหมาย

เมื่อวันที่ 18 ม.ค.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.รุ่ง ทองมนต์ ผกก.ตม.จว.สระแก้ว, พ.ต.อ.ฐาปนนท์ หน่องพงษ์ ผกก.ตชด.12, พ.ต.อ.ทวี กิติวิริยกุล รรท.ผกก.สภ.คลองหาด พร้อมกำลัง ตำรวจ ตม.จว.สระแก้ว, ตำรวจ ตชด.12, ตำรวจ สภ.คลองหาด และทหาร ฉก.ร.2 กกล.บูรพา ออกลาดตระเวนบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อป้องกันและสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ตามเส้นทางธรรมชาติ อำเภอคลองหาด จังหวัดสระแก้ว

ทั้งนี้ ขณะเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนมาถึงพื้นที่ถนนสายคลองหาด-บ้านเขาดิน เจ้าหน้าที่พบรถต้องสงสัย เป็นรถยนต์อเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง อีซูซุ รุ่นมิวเซเว่น สีขาว ทะเบียน ชห 5827 กรุงเทพมหานคร วิ่งมาด้วยความเร็ว จากสี่แยก อ.คลองหาด จ.สระแก้ว มุ่งหน้าชายแดนบ้านเขาดิน ต.คลองหาด อ.คลองหาด จ.สระแก้ว เจ้าหน้าที่จึงออกไล่ติดตามพร้อมส่งสัญญาณให้หยุดรถเพื่อขอตรวจสอบ แต่รถยนต์คันดังกล่าวไม่ยอมหยุด แล้วเร่งเครื่องขับหลบหนี เจ้าหน้าที่ได้แจ้งแล้วทำการดักสกัดจับกุมไว้ได้ ที่บริเวณแยกทางเข้าไร่พลอยลดา ม.8 ต.คลองหาด อ.คลองหาด จ.สระแก้ว

ความคืบหน้าคนไทย 7 คน หลบหนีสถานที่กักขัง เครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนในกัมพูชา กลับถึงประเทศไทยแล้ว

(สระแก้ว) ความคืบหน้าคนไทย 7 คน หลบหนีสถานที่กักขัง เครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนในเมืองวาเวต ประเทศกัมพูชา กลับถึงประเทศไทยแล้ว โดย 4 คนเข้า-ออกถูกต้อง มีหนังสือเดินทาง แต่ถูกยึดและบังคับให้ทำงาน ซึ่ง 1 ใน 4 คน ทำไม่ได้ ถูกซ้อมและทำร้ายร่างกาย เพราะหลอกคนไทยไม่สำเร็จ

เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความคืบหน้ากรณีคนไทยผู้ใช้เฟซบุกชื่อว่า “แร้วงัย คัยแคร์” ได้ไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊ก ขอความช่วยเหลือเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา โดยบอกว่า เป็นคนไทย 7 คน กำลังหนีเอาชีวิตรอดจากการถูกหลอกและกักขังบังคับให้ทำคอลเซ็นเตอร์ชาวจีน ที่พิกัดเมืองบาเวต ประเทศกัมพูชา ติดชายแดนประเทศเวียดนาม แต่หนีออกจากบริเวณดังกล่าวไม่ได้ เนื่องจากมีลวดไฟฟ้า ต้องไปรวมตัวกันหลบอยู่ใต้บันไดหลายชั่วโมง ต้องการความช่วยเหลือจากหน่วยงานรัฐไทยและกัมพูชา ซึ่งถือว่า เข้าข่ายการค้ามนุษย์ หากไม่มีการช่วยเหลือจะถูกตามจับกลับไปกักขังอีก โดยบอกเล่าเหตุการณ์ผ่านเฟซบุ๊ก

จนกระทั่ง สามารถเจรจากับพนักงานรักษาความปลอดภัยชาวกัมพูชา จนนายทุนชาวจีนสั่งให้ปล่อยตัวทั้งหมดออกไปเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา และทั้งหมดได้เหมารถตุ๊ก ๆ ออกมาจากพื้นที่และประสานเช่ารถ เดินทางออกมาจากพื้นที่เมืองบาเวต มายังกรุงพนมเปญ เพื่อประสานงานกับทางสถานทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ ขอให้ส่งตัวเดินทางกลับประเทศไทย

ล่าสุด ช่วงเวลา 19.00 น.วานนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.รุ่ง ทองมนต์ ผกก.ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้ว ร่วมกับ พ.อ.อนุพงศ์ มูลบรรจบ ผบ.ชุดควบคุมกรมทหารพรานที่ 13 โดยเจ้าหน้าที่กองร้อยทหารพรานที่ 1302 ,นายบุรินทร์ ล่วงเขต ผช.ป้องกันจังหวัดสระแก้ว และกลุ่มช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์ต่างแดน ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า “ก็แค่ คนธรรมดา” ได้ร่วมรับตัวคนไทยเหยื่อที่ถูกหลอกลวง ชักชวนให้ลักลอบข้ามแดนไปทำงานในกัมพูชา กลับสู่ประเทศไทย จำนวน 7 คน แบ่งเป็น ชาย 2 คน หญิง 5 คน ประกอบด้วย น.ส.วันวิสา (ขอสงวนนามสกุล), นายอภินันท์ (ขอสงวนนามสกุล), น.ส.จันทิมา (ขอสงวนนามสกุล), น.ส.สายธาร (ขอสงวนนามสกุล), น.ส.กฤษดาพร (ขอสงวนนามสกุล), นายประยูร (ขอสงวนนามสกุล) และ น.ส.อโณชา (ขอสงวนนามสกุล) บริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก ต.อรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ก่อนนำตัวมาสอบสวน ณ บริเวณทำการกองร้อยทหารพรานที่ 1302 และเข้าสู่กระบวนการคัดแยกเหยื่อตามขั้นตอน ก่อนส่งตัวกลับภูมิลำเนา

PCT ถล่มร้านปืนออนไลน์ ยึดอาวุธปืนสงครามและกระสุนปืนจำนวนมาก พร้อมขยายผลยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้อง

ตามนโยบายของรัฐบาลโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้กวดขันจับกุมปราบปรามการกระทำความผิดทางเทคโนโลยีออนไลน์ ซึ่งเป็นการกระทำความผิดที่เข้าถึงได้ง่าย เป็นการมอมเมาประชาชน และบ่อนทำลายชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติโดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญ จึงได้มีคำสั่ง ตร.ที่ 469/2565 ลง 21 ต.ค.2565 เรื่อง ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) และมอบหมายให้ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร.ทำหน้าที่ผู้อำนวยการศูนย์ฯ จึงมีคำสั่งกำชับให้กวดขัน จับกุมปราบปรามการกระทำความผิดทางออนไลน์ทุกประเภท รวมถึงการติดตามจับกุมบุคคลตามหมายจับรับจ้างเปิดบัญชี (บัญชีม้า)

โดยในห้วงของการระดมที่ผ่านมา ศปอส.ตร.ได้มีการระดมจับกุมผู้กระทำความผิดที่มีหมายจับเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ระหว่างวันที่ 6-10 ธันวาคม 2565 ปรากฏผลการที่น่าสนใจสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดที่มีหมายจับได้จำนวนมาก กล่าวคือ

1.) หมายจับในความผิดฐานฉ้อโกง จำนวน 616 ราย ผู้ต้องหา 595 คน

2.) หมายจับความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน จำนวน 410 ราย ผู้ต้องหา 384 คน

3.) หมายจับความผิดตาม พ.ร.ก. การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 จำนวน 28 ราย 22 คน

และ 4.) ความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 จำนวน 873 ราย ผู้ต้องหา 830 คน รวมจับกุมได้ทั้งสิ้น 1,927 ราย ผู้ต้องหา 1,831 คน

ในการแถลงนี้เป็นผลการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการที่ 4 นำโดย พล.ต.ต.สุทธิพงศ์ แจ้งอริยวงค์ ผบก.ส.2 บช.ส./หน.ชป.4 ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) ได้สืบทราบว่ามีกลุ่มคนร้ายร่วมกันเปิดเวปซื้อขายอาวุธปืนเถื่อนและกระสุนปืน ซึ่งประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงสื่อและสั่งซื้อทางออนไลน์ได้อย่างง่ายดาย ต่อมาจากการสืบสวนทราบว่ากลุ่มดังกล่าวมีการแบ่งหน้าที่กันทำกระจายอยู่ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่, จังหวัดสุรินทร์ และจังหวัดชลบุรี จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ

ต่อมาวันที่ 15 ธ.ค.65 ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ฯ, พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ฯ, พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.กมค./ผู้ช่วย ผอ.ฯ/หน.ด้านปฏิบัติการฯ และ พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.สพฐ.ตร./หน.ด้านข่าวสารฯ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ ศปอส.ตร.ชุดที่ 4 (PCT ชุดที่ 4) นำโดย พล.ต.ต.สุทธิพงศ์ แจ้งอริยวงศ์ ผบก.ส.2/หน.ชป.ฯ, พ.ต.อ.กฤตัชญ์ บำรุงรัตนยศ รอง ผบก.ปคม., พ.ต.อ.ไกลเขต บุรีรักษ์ รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.ทิวา โสภาเจริญ รอง ผบก.ปส.4, พ.ต.อ.ทรงกลด เกริกกฤตยา รอง ผบก.ส., พ.ต.อ.คมสพัสส์ ทองคำนิธิวิรากุล ผกก.ฯ, พ.ต.อ.จิรพงศ์ รุจิรดำรงค์ชัย ผกก.ฯ และ พ.ต.อ.นรวัตน์ คำภิโล ผกก.ฯ พร้อมด้วย จนท.ศปอส.ตร.ชุดที่ 4 เข้าตรวจค้นจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาดังกล่าว

โดยก่อนเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้ทำการสืบสวนทราบว่ากลุ่มเครือข่ายมีการกระทำผิดและหลบซ่อนตัวอยู่ในหลายพื้นที่ได้แก่ อ.สันกำแพง จว.เชียงใหม่, อ.เมือง จว.สุรินทร์ และ อ.บ้านบึง จว.ชลบุรี จึงได้รวบรวมหลักฐานและขออนุมัติหมายค้นและหมายจับต่อศาลอาญาเพื่อเปิดปฏิบัติการในครั้งนี้ ผลการปฏิบัติสามารถตรวจค้นจับกุมกลุ่มผู้ค้าอาวุธปืนเถื่อนออนไลน์ภายใต้ชื่อ “LOS SANTOS” ได้ดังนี้

“รวบสาวแสบ! อ้างชื่อร้านทองดัง ตุ๋นลงทุนซื้อขายทองคำได้ราคาพิเศษ เหยื่อหลงเชื่อเพียบ เสียหายกว่า 100 ล้าน!!”

วันที่ 13 ธ.ค. พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ. สั่งการ พ.ต.อ.เชษฐ์พันธ์ กิติเจริญศักดิ์ ผกก.1 บก.ปคบ. พ.ต.ต.กฤษณ์ พิพัฒน์พูนสิริ สว. (สอบสวน) กก.1 บก.ปคบ. นำกำลังจับกุม น.ส.สุภัสสรา แสงเทียน อายุ 26 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดพัทยา ที่ จ.499/2565 ลงวันที่ 27 พ.ย. 2565 ข้อหา “ฉ้อโกงประชาชน กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน”  ได้ที่บ้านเลขที่ 55/7 หมู่บ้าน SP Private ซ.พรประภานิมิตร ม.4 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

จากการจับกุมทราบว่า น.ส.สุภัสสรา พร้อมพวกได้เปิดบริษัท ปลื้มณดาจำกัด ขึ้นมาก่อนโพสต์ทางเฟซบุ๊ก ประกาศชักชวนผู้สนใจให้นำเงินมาร่วมลงทุนซื้อขายทองคำ อ้างตนเป็นตัวแทนระดับ VVIP ของร้านทองชื่อดังในกรุงเทพฯ สามารถซื้อทองคำจากหน้าร้านมาขายให้แก่สมาชิกได้ในราคาถูก โดยเสนอขายทองคำ ราคาบาทละ 25,500 บาท ถูกกว่าราคาตลาดถึง 4,000 บาท ผู้สนใจสามารถรับทองคำได้ทันที หรือจะฝากไว้ก่อนเพื่อเก็งกำไร

สตม. รวบผู้ต้องหาชาวเกาหลี OVERSTAY มี INTERPOL Red Notice คดีร่วมกับพวกฉ้อโกง ความเสียหายรวมกว่า 1,600 ล้านบาท

กก.1 บก.สส.สตม. จับกุมนายเยจุน (นามสมมติ) อายุ 51 ปี สัญชาติเกาหลี โดยกล่าวหาว่า เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางละมุง จว.ชลบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม บริเวณลานจอดรถของคอนโดมิเนียมย่าน ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

พฤติการณ์จับกุม กองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับหนังสือจากกงสุลฝ่ายตำรวจประจำสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลี ประจำประเทศไทย ประสานงานขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการผลักดันนายเยจุน (นามสมมติ) ผู้ต้องหาตามหมายจับสาธารณรัฐเกาหลีในคดีฉ้อโกง และเป็นบุคคลเป็นที่ต้องการตัวของทางการสาธารณรัฐเกาหลี ตามประกาศตำรวจสากลสีแดง (INTERPOL Red Notice) ที่ A-6937/8-2022 ลงวันที่ 19 ส.ค.2565

โดยมีพฤติการณ์ในการกระทำผิด กล่าวคือ นายเยจุน ซึ่งมีตำแหน่งเป็นผู้จัดการทั่วไปฝ่ายการเงินของกลุ่มบริษัทหนึ่งในสาธารณรัฐเกาหลี ในระหว่างเดือน พ.ย. 2561 ถึงเดือน เม.ย. 2563 ได้ร่วมกับพวก สมรู้ร่วมคิดในการยักยอกทรัพย์สิน จำนวนเงินรวม 491 พันล้านวอน จากบริษัท 5 แห่ง เช่น Kales Hoidings Inc. Chankhanee Invest Inc. โดยมีการโอนเงินดังกล่าวไปยังบัญชีธนาคารของผู้ต้องหาสำหรับวัตถุประสงค์ส่วนตัว และยังสมรู้ร่วมคิดกันโดยให้บริษัท Vivien Inc. เข้าซื้อหุ้นของบริษัท Infinity&T Inc จำนวน 11,307,150 หุ้น โดยราคาซื้อ 5,085 วอนต่อหุ้น รวมมูลค่าความเสียหายทั้งหมดกว่า 62,406 ล้านวอน หรือคิดเป็นเงินไทยกว่า 1,647 ล้านบาท แล้วหลบหนีเข้ามาอยู่ในประเทศไทย

ตำรวจปคบ.-อย.ลุยจับ 8 คลินิกเถื่อน ลักลอบเปิดเสริมความงาม ฉีดฟิลเลอร์ หรือโบท๊อกซ์ เตือนระวังอย่าเห็นกับของถูก อาจถึงตายได้

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 6 ธ.ค. พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ.พ.ต.อ. ธรากร เลิศพรเจริญ รองผบก.ปคบ. พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ ผกก.4 บก.ปคบ.พร้อมด้วย นพ.ภานุวัฒน์ ปานเกตุ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ภญ.อรัญญา เทพพิทักษ์ ผอ.ศูนย์จัดการเรื่องร้องเรียนและปราบปรามการกระทาผิดกฎหมายเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพ (ศรป.) ร่วมกันแถลงผลกวาดล้างจับกุมคลินิกเสริมความงามเถื่อน 8 แห่งในพื้นที่ กรุงเทพฯ,ชลบุรี, สมุทรสงคราม และปทุมธานี

จากการตรวจค้นเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาไว้ได้ 8 ราย คือน.ส.ธนัศร ชัยสมศรี อายุ 24 ปี น.ส.ศรีษุณี  ปัญญาวัฒน์ อายุ 36 ปี น.ส.ณปาภัทร ชิณะวิ อายุ 39 ปี นายจิรัฏฐ์ ลาภะนาวิน อายุ 23 ปี น.ส.ศศิพัชร์ ตะสิงห์ อายุ 36 ปี นายกรกรต หมวกไสว อายุ 54 ปี น.ส.บุญพา ผาสุข อายุ 48 ปี และ น.ส.อังคนาง อินทวี อายุ 26 ปี

พ.ต.อ.เนติ เปิดเผยว่า ก่อนหน้าได้รับเรื่องร้องเรียนจาก อย.และ สบส. ให้สืบสวนกรณีมีบุคคลแอบอ้างตัวเป็นแพทย์หลอกเสริมความงามให้ประชาชนหลายพื้นที่ ผู้ให้บริการไม่ใช่แพทย์จริง ๆ บางรายก็ใช้การศึกษาวิธีการฉีดเสริมความงามด้วยตนเองจากทาง YouTube และสั่งยาต่าง ๆ จากช่องทางออนไลน์ ก่อนมาทดลองฉีดหน้าตนเอง ก่อนจะมาทำให้กับลูกค้า

ตำรวจไซเบอร์จับจับหนุ่มวิศวะคอมแอบถ่ายใต้กระโปรง มีคลิปดาราดังหลายคน!!

เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 6 ธ.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เมืองทอง พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รองผบช.สอท. พล.ต.ต.กานตพงศ์ ชัยรุ่งเรือง ผบก.ตอท. พ.ต.อ.รุ่งเลิศ คันธจันทร์ ผกก. ตอท. พ.ต.ท.นนทพัทธ์ ยอดแก้ว รอง ผกก.ตอท. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ เข้าตรวรวจสอบบ้านเลขที่ 5/70 ม.12 ต.นาป่ อ.เมืองชลบุรี จ.ชลบุรี พบนายวรศักดิ์ ศรีวรวิบูลย์ 31 ปี พร้อมของกลางเป็นคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค 2 เครื่อง /extemal 4 ลูก / โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง / และกล้องขนาดเล็ก 1 ตัว ซึ่งเป็นผู้ดูแลระบบ (แอดมิน) และเป็นผู้นำข้อมูลเข่าสู่ระบบใน เพจ Akashi vip และเป็นผู้รับผลประโยชน์จากสมาชิกที่สมัครเข้าไปในกลุ่มลับดูคลิปแอบถ่ายใต้กระโปรงเด็กนักเรียน นักศึกษา จำนวน 259 คลิป

พล.ต.ท.วรวัฒน์ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากชุดสืบสวนสืบทราบว่ามีผู้ใช้งานโปรแกรม VK เพจชุมชน ดูตีดี เผยแพร่สื่อลามกอนาจาร (ภาพถ่ายใต้กระโปรงเด็ก สตรี) มีผู้ดูแลระบบ (แอดมิน) โปรแกรม VK บัญชี ดูดีดี ได้ประกาศโฆษณา แก่บุคคลทั่วไปที่ประสงค์จะดูคลิปวีดีโอแอบถ่ายใต้กระโปรงของหญิง ให้สมัครเข้าร่วมกลุ่ม โดยมีค่าใช้จ่ายในการเข้ากลุ่มหลายราคามีราคา 250-1,000 บาท เมื่อมีผู้สมัครเข้ากลุ่มชำระด้วยเงินสด หรือบัตรเงินสดทรูมันนี่ ดูแลระบบจะดึงเข้าไปในกลุ่มลับ โปรแกรม VK ชื่อบัญชี Akashi vip 1 จากนั้นจะมีภาพซึ่งแอดมินได้โพสต์เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อยู่ในกลุ่ม จำนวน 527 ภาพ ตรงตามที่โฆษณาไว้ ภาพที่โพสต์มีทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว เป็นภาพสื่อลามกอนาจารใต้กระโปรง

พล.ต.ท.วรวัฒน์ เปิดเผยอีกว่า ช่วงที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์ลักษณะผู้หญิงฆ่าตัวตายจากการถูกคุกคามทางเพศ หากผู้หญิงถูกคุกคามและรับไม่ได้เกิดการคิดสั้นอยู่ในสังคมไม่ได้และมองว่าเป็นตราบาป เหตุการณ์นี้เจ้าหน้าที่จึงได้ดำเนินการสืบจับกุมและดำเนินคดีผู้ต้องหา และยังได้ฝากเตือนเตือนผู้หญิงที่สวมใส่กระโปรงสั้นให้ระมัดระวังเมื่อเดินในที่สาธารณะซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญที่ผู้ต้องหาใช้เลือกเหยื่อ ให้สังเกตว่ามีใครเข้ามาเดินตาม และก้มต่ำด้านหลัง ให้ระมัดระวังเพราะอาจตกเป็นเหยื่อได้

ดักจับกุมแก๊งลักลอบขำเข้าเนื้อสุกร

กรมศุลกากรจับกุมเนื้อสุกรแช่แข็งซุกซ่อนในรถกระบะ จำนวน 950 กิโลกรัม รวมมูลค่า 141,300 บาท บริเวณถนนป่าไร่-ดงงู ตำบลป่าไร่ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว โดย นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ รองอธิบดีกรมศุลกากร รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษา ด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีการลักลอบนำเนื้อสุกรและชิ้นส่วนสุกรที่มีถิ่นกำเนิดจากต่างประเทศเข้ามาจำหน่ายในราชอาณาจักรไทย 

กรมศุลกากรจึงให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ต่าง ๆ เข้มงวดในการตรวจค้นจุดที่มีความเสี่ยงในการลักลอบนำเนื้อสุกรและชิ้นส่วนสุกรเข้ามาในประเทศ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค ASF ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของผู้บริโภค พร้อมปกป้องเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรในประเทศอย่างต่อเนื่อง 

สร้างความเชื่อมั่น!! ทบ. ตรวจเข้มทางเข้า-ออกชายแดน สกัดกั้นยาเสพติด พร้อมดูแลความสงบเรียบร้อยในช่วงประชุม APEC 2022

ทบ.มุ่งมั่นสกัดกั้นยาเสพติด เข้มผ่านเข้า-ออกชายแดน หนุนประชุมเอเปก ย้ำการฝึกทหารใหม่เพื่อสร้างคน สร้างพลเมืองที่ดี

พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานการประชุมผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงกองทัพบกประจำเดือนพฤศจิกายน โดยนำข้อสั่งการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในเรื่องการเพิ่มความเข้มงวดในการสกัดกั้นยาเสพติดในพื้นที่ชายแดนและให้เหล่าทัพสนับสนุนการจัดประชุม APEC2022 ตามมาตรการรักษาความปลอดภัยด้านต่างๆ อย่างรัดกุม

นอกจากนี้ ผู้บัญชาการทหารบกได้ขอบคุณกองกำลังป้องกันชายแดนกองทัพบกที่ตรวจยึดยาเสพติดได้อย่างต่อเนื่อง ถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่ที่สำคัญและเป็นวาระแห่งชาติ โดยในเดือนที่ผ่านมายึดยาบ้า 1,982,883 เม็ด และ ไอซ์ 1 กิโลกรัม ซึ่งการปฏิบัติภารกิจมีความยากลำบากยิ่งขึ้นและมีความเสี่ยงในเรื่องการใช้อาวุธ จึงต้องเพิ่มความระมัดระวังในความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย

สำหรับการสนับสนุนรัฐบาลในการจัดประชุม APEC2022 ซึ่งเน้นการรักษาความปลอดภัยดูแลการเข้าออกในพื้นที่ชายแดน ด้วยมาตรการที่เหมาะสม และทุกหน่วยต้องให้การสนับสนุนและพร้อมที่จะช่วยกันดูแลให้การจัดประชุมดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย ถือเป็นโอกาสอันดีที่จะได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของประเทศไทย ทั้งในด้านการพัฒนา ระบบเศรษฐกิจ สร้างความเชื่อมั่นในระดับสากล ซึ่งกองทัพบกจะสนับสนุนทรัพยากรในทุกด้านอย่างเต็มที่

ทั้งนี้ ผู้บัญชาการทหารบก ยังให้ความสำคัญกับการดูแลทหารกองประจำการผลัดที่ 2/2565 ตามนโยบายครอบครัวเดียวกัน พร้อมย้ำว่า การฝึกทหารใหม่เป็นการสร้างคน พัฒนาคนให้มีศักยภาพ ให้มีความเข้มแข็งเป็นพลเมืองที่ดีโดยให้ดำเนินการฝึกเป็นขั้นตอน เริ่มจากการปรับสภาพจากบุคคลพลเรือนมาเป็นทหารที่มีความเข้มแข็ง เสียสละ ควบคู่กับการดูแลสุขภาพกายและจิตใจ

โดยเฉพาะการฝึกทักษะอาชีพตามความต้องการและเตรียมแผนจัดหางานให้ โดยมอบให้กรมยุทธศึกษาทหารบกจัดหลักสูตรการฝึกทหารใหม่ที่เอื้ออำนวยต่อการจัดหางานดังกล่าว นอกจากนี้ ผู้บัญชาการทหารบกยังได้แสดงความห่วงใยถึงทหารใหม่ที่อาจจะมีปัญหา ทั้งเรื่องโรคประจำตัว โรคที่ขัดต่อการรับราชการ ปัญหาครอบครัว ความรับผิดชอบในการเลี้ยงดูบุพการี บุตร หรือญาติที่เจ็บป่วย รวมทั้งสภาพเศรษฐกิจพื้นฐานของทหารใหม่
 


© Copyright 2022, All rights reserved. Eec Time Thailand
Take Me Top