นายศักดิ์ชาย ตันเจริญ หรือ มดเล็ก สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดฉะเชิงเทรา (ส.อบจ.) อ.สนามชัยเขต เขต1 ได้ยื่นใบลาออกจากการเป็นสมาชิกสภา อบจ. แล้วเพื่อเตรียมลงสู้ศึกชิงเก้าอี้ ส.ส.ฉะเชิงเทรา เขต3 พรรคเพื่อไทย (พท.) ประกอบด้วย อ.สนามชัยเขต อ.ท่าตะเกียบ อ.พนมสารคาม (ยกเว้น ต.หนองยาว และต.พนมสารคาม)
โดยจะเดินทางมาสมัครในวันแรก ซึ่งทาง กกต.จะเปิดรับสมัครระหว่างวันที่ 3-7 เม.ย. แทนบิดา นายสุชาติ ตันเจริญ ที่ผันตัวเองไปลงสมัคร ระบบปาตี้ลิสต์ พรรคเพื่อไทย (พท)
สำหรับ นายศักดิ์ชาย ตันเจริญ อายุ 44 ปี จบปริญญาตรี Southern, New Hampshire, University (บริหารธุรกิจ BA degree) เป็นน้องชายของพิธีกรทีวีชื่อดัง คชาภา ตันเจริญ (มดดำ) เป็นบุตรชาย นายสุชาติ ตันเจริญ อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่1 อดีต ส.ส.ฉะเชิงเทรา เขต 3 ลงสมัครเล่นการเมืองท้องถิ่นโดยใด้รับเลือกให้เป็น ส.อบจ.
และเมื่อปี 2555 ใด้รับความไว้วางใจจากสภาดำรงค์ตำแน่งเป็นรองประธานสภา อบจ. ฉะเชิงเทรา และลงพื้นที่ให้การช่วยเหลือชาวบ้านอย่างต่อเนื่องแทนบิดาจนได้รับเลือกตั้ง เป็น ส.อบจ. สมัยที่ 2 ในปี 2562 จนถึงปัจจุบัน
“น้องแยม” ลงรับสมัครรับเลือกตั้ง
เมื่อวันที่ 27 มี.ค.2566 - นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ในฐานะแกนนำพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) โพสต์เฟซบุ๊กกล่าวถึงเหตุผลในการตัดสินใจลงสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค รทสช. แทนการลงสมัคร ส.ส.ชลบุรี เขต1 ซึ่งเป็นแชมป์เก่าว่า "ทุกคนครับ" เป็นการตัดสินใจที่ยากลำบากมาก แต่ผมคิดมาดีแล้วเมื่อคำนึงถึงผลที่ตามมาในภายภาคหน้า เรื่องของการลงรับสมัครลงเลือกตั้ง ส.ส. พื้นที่เขต 1 ชลบุรี
ซึ่งผมได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องมายาวนานหลายสมัย แต่รอบนี้เลือกที่จะส่ง “ณภัสนันท์ อรินทคุณวงษ์” อดีตรองนายกเทศมนตรีตำบลเสม็ด หรือ “น้องแยม” ซึ่งเป็นน้องสาวของภรรยาผมลงแทน และผมจะไปลงสมัครในระบบบัญชีรายชื่อครับ
หน้าที่ขอบเขตความรับผิดชอบของผม ณ วันนี้ ต้องดูแลในภาพใหญ่ รวมทั้งสิ้น กว่า 104 เขต และดูแล ส.ส. ทั้งจังหวัดชลบุรี ภาคตะวันตก ภาคตะวันออก ภาคกลาง ฯลฯ โดยการได้รับตำแหน่ง “รัฐมนตรีกระทรวงแรงงาน” ที่ผ่านมา ผมมีโอกาส ได้รับใช้ดูแลพี่น้องแรงงานทั่วทั้งประเทศ การเลือกตั้งครั้งนี้ ผมจึงมุ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผมจะมีความรับผิดชอบที่กว้างขึ้น และทำประโยชน์ให้พี่น้องคนไทยมากกว่าเดิม
อีกเหตุผลหนึ่ง ... ถ้าผมลง ส.ส. เขต คงต้องใช้เวลาหาเสียงดูแลเขตของตัวเอง แต่พื้นที่รับผิดชอบอื่นๆ ก็คงทำไม่ได้เต็มที่ เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้ ผมต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้ “ลุงตู่” เป็นนายกฯ อีกสมัย อยากจะร่วมทุ่มเทกับคณะ เดินสายไปปราศรัยตามจังหวัดต่างๆ ...จึงมิใช่หมายมุ่งจะชนะศึกในพื้นที่เก่าของตัวเอง แต่มุ่งเอาชนะสงครามเลือกตั้งใหญ่ภาพรวมให้ได้ แต่ยังไงผมก็ยังคงดูแลพี่น้องชลบุรีอยู่เหมือนเดิม เรียกใช้ผมได้ตลอดเวลาครับ
“น้องแยม” เป็นคน ตำบลแสนสุข จังหวัดชลบุรี และมีความผูกพันกับที่นี่ เคยเรียนรู้ทำงานด้านการเมืองมาแล้วระยะเวลาหนึ่ง และตัวผมเองได้พูดคุย ฝากฝังกันเป็นอย่างดี ถึงการรับไม้ต่ออาสา จะมาดูแลพี่น้องใน เขต 1 ชลบุรี ต่อจากผม พื้นที่แห่งนี้เป็นจุดเริ่มต้นของชีวิต และเป็นทุกอย่างของผมมาเกือบครึ่งชีวิต การที่จะไว้วางใจให้ใครสักคนมาดูแลพี่น้องประชาชนที่ผมรัก แน่นอนว่า “คนๆนั้นต้องมีความพร้อม และมีเป้าหมายเดียวกันกับผม”
เพื่อเป็นการยืนยันความมั่นใจ ในการส่ง “น้องแยม” ลงรับสมัครรับเลือกตั้ง ผมจะพา “น้องแยม” ไปฝากฝังให้ถึงมือพื่น้องชาวชลบุรี เขต 1 ทุกๆคน เร็วๆนี้ด้วยตัวเองครับ
ผมฝาก "น้องแยม" ด้วยครับ
เมื่อวันที่ 26 มีนาคม ที่ลานตลาดนัดวันอาทิตย์ อ.เมือง จ.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้กล่าวปราศรัยบนเวทีของพรรค พปชร.ว่า บางคน บางพรรคยังพูดถึงโครงการเก่าในอดีต
โดยไม่ดูบริบทการเมือง เปลี่ยนแปลงไปหมดแล้ว ผมลงพื้นที่สงสารพี่น้องประชาชน บางพรรคยังพูดถึงกองทุนหมู่บ้านนโยบายเมื่อ 20 ปีที่แล้วซึ่งที่ตนเองได้ลงพื้นที่นั้น ประชาชนได้รับความเดือดร้อนกันมากจากกองทุนหมู่บ้าน พรรค พปชร.จะยกเลิกกองทุนหมู่บ้าน ประชาชนจะได้ไม่ต้องเป็นหนี้
นายชัยวุฒิกล่าวต่อว่า เพราะเป็นกองทุนที่สร้างหนี้ให้กับประชาชน จะได้ไม่ต้องสร้างหนี้ให้กับประชาชน เราต้องมองอนาคต ต้องมองนโยบายของพรรคการเมืองที่ทำให้ประชาชนได้ประโยชน์ พร้อมมองว่ามีบางพรรคการเมืองได้คิดนโยบายที่ไกลเกินไป การเลือกตั้งนั้นให้มาเปลี่ยนรัฐบาล แต่อยากเปลี่ยนประเทศไทย คุณทำได้ไหม
“ถ้าคนเราเห็นว่าโลกที่เราอยู่มันไม่ดีและมีปัญหาแล้วอยากเปลี่ยนโลกนั้น มีแต่คนบ้าเท่านั้นเพราะโลกเปลี่ยนไม่ได้ แต่ทำให้โลกนี้ดีได้ โดยการตั้งใจทำความดี ทุกอย่างจะดีขึ้นเอง แต่บางพรรคคิดไกลกว่านั้น ไกลแบบที่รู้ว่าคิดอะไร ไม่อยากเปลี่ยนรัฐบาล อยากเปลี่ยนอะไรวะ แล้วเรายอมให้มันเปลี่ยนไหม เขาปลุกระดม ให้ข้อมูลผิดๆ ทำให้คนแตกแยก ทะเลาะกัน ซึ่งนี่คือนโยบายสำคัญของพรรคพลังประชารัฐที่จะมาก้าวข้ามความขัดแย้ง” นายชัยวุฒิกล่าว
นายชัยวุฒิกล่าวด้วยว่า วันนี้ติดตามจากสื่อเห็นว่าโพลต่างๆ ไม่มีชื่อของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นนายกรัฐมนตรี ไม่รู้ว่าลืมใส่ หรือลุงป้อมไม่ได้จ่ายเงิน การเลือกตั้งครั้งนี้ถือเป็นครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่งของพวกเรา
เพราะเรามีนโยบาย มีความตั้งใจที่จะทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน และเขาก็จะผลักดันให้ พล.อ.ประวิตร เป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อนำนโยบายต่างๆ มาทำประโยชน์ให้กับประชาชน ไม่มีการสืบทอดอำนาจ ไม่มีการเอาเปรียบใคร ทุกอย่างเป็นไปตามประชาธิปไตย
เปิดเผยถึงเหตุผลที่ตัดสินใจลงสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค รทสช. แทนการลงสมัคร ส.ส.ชลบุรี เขต1
วันที่ 27 มี.ค.2566-นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ในฐานะแกนนำพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เปิดเผยถึงเหตุผลที่ตัดสินใจลงสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค รทสช. แทนการลงสมัคร ส.ส.ชลบุรี เขต1
ซึ่งเป็นแชมป์เก่าว่า ตนไม่เพียงแต่รับผิดชอบพื้นที่ จ.ชลบุรี หรือภาคตะวันออกเท่านั้น แต่ยังต้องดูแลพื้นที่ยุทธศาสตร์ภาคกลางและภาคตะวันตกให้กับพรรคด้วย การลงในแบบบัญชีรายชื่อจะสามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพมากกว่า
ตลอด1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ตนประกาศท้านายสนธยา คุณปลื้ม แกนนำชลบุรีพรรคเพื่อไทยมาตลอด ให้ลงสมัคร ส.ส.เขต1 ชลบุรี แต่นายสนธยา เลือกลงในแบบบัญชีรายชื่อ โดยจะส่งเด็กหน้าใหม่ลงในเขตดังกล่าว ตนจึงตัดสินใจส่ง น.ส.ณภัสนันท์ อรินทคุณวงษ์ อดีตรองนายกเทศมนตรีตำบลเสม็ด และเป็นน้องสาวของภรรยาลงแทน เนื่องจากมั่นใจว่าประชาชนจะให้การตอบรับ สะท้อนผ่านผลโพลในเขต 1 เราถึงมั่นใจเช่นเดียวกับอีกหลายเขตในชลบุรี
“ถ้าผมลงเขตก็ต้องหาเสียงเฝ้าแต่เขตของตัวเอง พื้นที่รับผิดชอบอื่นๆ ก็คงทำไม่เต็มที่ เลือกตั้งครั้งนี้ผมมีหน้าที่ต้องร่วมผลักดันให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ อีกสมัย ต้องร่วมคณะเดินสายปราศรัยตามจังหวัดต่างๆ จึงไม่ใช่แค่เพียงเอาชนะศึกในเขตตัวเอง แต่ต้องมุ่งเอาชนะสงครามเลือกตั้งใหญ่ให้ได้”
เมื่อวานนี้ (19 ก.พ.66) ที่หอประชุมโรงเรียนอุบลรัตน์พิทยาคม จ.ขอนแก่น พรรคภูมิใจไทย นำโดย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ในฐานะเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย จัดเวทีปราศรัยนโยบาย และแนะนำตัวนายเอกราช ช่างเหลา ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 4 ขอนแก่น ท่ามกลางประชาชนที่มาฟังปราศรัยจำนวนมากจนล้นออกจากหอประชุม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างปราศรัยมีการเซอร์ไพรส์เปิดตัว นายนาวิน คำเวียง อดีตสมาชิกครอบครัวเพื่อไทย และคนเสื้อแดง ที่จะลงสมัคร ส.ส.ขอนแก่น เขต 7 ในนามพรรคภูมิใจไทย ซึ่งประกอบด้วย อ.หนองเรือ อ.บ้านฝาง และ อ.ภูเวียงบางส่วน
นายเอกราช ได้กล่าวแนะนำนายนาวิน และเชิญนายศักดิ์สยาม เป็นผู้สวมเสื้อพรรคภูมิใจไทย เพื่อเป็นการต้อนรับนายนาวิน เข้าพรรคอย่างเป็นทางการ ท่ามกลางเสียงปรบมือของประชาชนอย่างกึกก้อง โดยนายศักดิ์สยามขอให้ชาวขอนแก่นเลือกทั้งนายเอกราชและนายนาวิน เป็น ส.ส. เข้าสภาฯ ให้ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังสวมเสื้อพรรคภูมิใจไทย นายนาวินได้เดินทักทายพบปะกับกลุ่มคนเสื้อแดงที่เดินทางมาให้กำลังใจกว่า 300 คน พร้อมกล่าวว่า ขอบคุณพี่น้องประชาชนที่สนับสนุนตนมาโดยตลอด และยังอยู่ช่วยกัน ไม่ว่าตนจะอยู่พรรคไหน วันนี้ตนเปลี่ยนสีเสื้อมาอยู่ภูมิใจไทยแล้ว และเราจะสู้ไปด้วยกัน ตนจะพูดแล้วทำ และไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง บุรีรัมย์เจริญเพราะมีเนวิน ขอนแก่นก็มีนาวินเช่นกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ก่อนที่นายศักดิ์สยามจะเดินทางกลับ ได้มีคนเสื้อแดงมาตั้งแถวส่ง พร้อมส่งเสียงเชียร์พรรคภูมิใจไทยเป็นระยะ
(8 ก.พ.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างวันที่ 10 - 11 ก.พ.นี้ พรรคภูมิใจไทย นำทีมโดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมแกนนำพรรค จะลงพื้นที่พบปะชาวบ้าน ตลอดจนจัดเวทีปราศรัย ใน 2 จังหวัด ได้แก่ จ.กาญจนบุรี และ จ.นครปฐม พร้อมเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส. โดยในวันที่ 10 ก.พ.นี้ เริ่มที่ จ.กาญจนบุรี โดยตั้งแต่เวลา 15.45 น. จะขึ้นรถแห่พบปะประชาชนพี่น้อง ชาว จ.กาญจนบุรี
จากนั้น เดินทางถึงศาลเจ้าพ่อหลักเมือง เพื่อสักการะศาลเจ้าพ่อหลักเมือง และบวงสรวงพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 แล้วเดินทางไปวัดไชยชุมพลชนะสงคราม พระอารามหลวง (วัดใต้) กราบสักการะรูปหล่อพระวิสุทธิรังษี (หลวงปู่เปลี่ยน) และกราบพระเทพปริยัติโสภณ (เจ้าคุณปัญญา) เจ้าอาวาส เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี
จากนั้น นายอนุทิน และคณะจะเดินทางถึงท่าเรือวัดใต้ แล้วเดินทางโดยทางเรือล่องแม่น้ำแม่กลองเดินทางผ่านบ้านลิ้นช้าง เข้าสู่แม่น้าแควใหญ่ แวะทักทายชาวเรือ ชาวแพที่ท่าเรือเทียบแพแควใหญ่ (เกาะรัตนกาญจน์) ก่อนขึ้นปราศรัยใหญ่ ในเวลา 17.45 น. ณ ลานเอนกประสงค์ สะพานข้ามแม่น้ำแคว
นายอนุทิน จะเปิดปราศรัยถึงบริเวณพื้นที่ปราศรัย ทักทายประชาชนและ เปิดตัว ว่าที่ส.ส.กาญจนบุรี พรรคภูมิใจไทย ทั้ง 5 เขต ประกอบไปด้วย พล.อ.สมชาย วิษณุวงศ์ ผู้สมัคร ส.ส. เขต 1, นายสมเกียรติ วอนเพียร ผู้สมัคร ส.ส. เขต 2, นายยศวัฒน์ มาไพศาลสิน ผู้สมัคร ส.ส. เขต 3, นายธรรมวิชญ์ โพธิพิพิธ ผู้สมัคร ส.ส. เขต 4 และนายอัฏฐพล โพธิพิพิธ ผู้สมัคร ส.ส. เขต 5
ส่วนในวันที่ 11 ก.พ. ที่ จ.นครปฐม เวลา 13.00 น. นายอนุทิน หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เข้าสักการะองค์พระปฐมเจดีย์ และกราบขอพรพระร่วงโรจนฤทธิ์ จากนั้นเยี่ยมชมพระราชวังสนามจันทร์ ถวายสักการะพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เยี่ยมชม อนุสาวรีย์ย่าเหล พระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ จากนั้น 16.00 น. นายอนุทิน จะได้เปิดเวทีปราศรัย นำเสนอนโยบายพรรคภูมิใจไทยพร้อมเปิดตัวนายปฐมพงศ์ สูญจันทร์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. นครปฐม เขต 4
ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในช่วงเย็นของวันที่ 13 ก.พ.นี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จะยกแกนนำพรรคบุก จ.กาญจนบุรี เช่นเดียวกัน โดยจะเป็นการเปิดปราศรัยใหญ่ต่างจังหวัดครั้งแรก ของพล.อ.ประวิตร พร้อมเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.กาญจนบุรี ทั้ง 5 เขต ซึ่งจะเป็นผู้สมัครหน้าใหม่หมด เนื่องจาก อดีต ส.ส.กาญจนบุรี พรรคพลังประชารัฐ ทั้ง 4 คน ได้ย้ายมาอยู่พรรคภูมิใจไทยแบบยกทีมทั้ง 4 คนหมดแล้ว
เมื่อวานนี้ (6 ก.พ.66) ที่ศูนย์เยาวชนปทุมวัน กทม. พรรคภูมิใจไทย จัดเวทีปราศรัยย่อยช่วย น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตปทุมวัน หาเสียง นำโดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วย นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ หัวหน้าทีม กทม.พรรคภูมิใจไทย, นายสิริพงษ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส.ศรีสะเกษ, นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายทะเบียนพรรค, นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี และรองหัวหน้าพรรค, น.ส.กรณิศ งามสุคนธ์รัตนา ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. และสมาชิกพรรคร่วมขึ้นเวทีครั้งนี้
น.ส.พัชรินทร์ กล่าวว่า ขอบคุณประชาชนทุกคนที่สนับสนุนตนมาตลอดการเป็น ส.ส.เขตปทุมวัน ตนรู้สึกว่าทุกคนเป็นคนในครอบครัว และความตั้งใจของตนยังเหมือนเดิม คือต้องการรับใช้ประชาชน เพื่อเป็นกระบอกเสียงให้พี่น้องประชาชน
ขณะที่ นายศุภชัย ปราศรัยตอนหนึ่งว่า ครั้งที่แล้วเราเลือกความสงบจบที่ลุงตู่ แต่ตอนนี้ความสงบมีเกินไปแล้ว แต่สิ่งที่ไม่มีคือเงินในกระเป๋า ถ้าจะให้คนเดิมบริหารประเทศ 8 ปีที่ผ่านมา ชี้ให้เห็นว่ามันไม่ได้แล้ว พล.อประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะขายความสงบอยู่ ตนว่ามันไม่ได้แล้ว ขณะที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ระบุว่ายังเป็นนายกฯ ได้ เนื่องจากอายุยังไม่ถึง 75 ปี ตนก็ว่ามันสามารถเป็นไปได้ตามสิทธิ์ แต่ส่วนตัวตนมองว่าคนที่เหมาะสม คือ นายอนุทิน
จากนั้นเวลา นายอนุทิน ขึ้นปราศรัยเป็นคนสุดท้าย โดยกล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยมีความแน่วแน่ในการจะมารับใช้ประชาชนชาวบ่อนไก่ และชาว กทม. ตนเป็น ส.ส. มาแล้ว 10 ปี แต่ไม่เคยได้ใจคน กทม. สักเท่าไหร่ แต่มั่นใจว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ จะทำให้ชาว กทม. ใจอ่อนให้พรรคภูมิใจไทย เพราะพรรคได้นำเสนอเรื่องที่เป็นประโยชน์ให้ประชาชน พร้อมมั่นใจว่าวันนี้ภูมิใจไทยพร้อมรับใช้ชาว กทม. เหมือนที่รับใช้ประชาชนคนไทยตลอด 4 ปีผ่านมา ในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ เช่น เรื่องคมนาคม สาธารณสุข และการท่องเที่ยว
หนีไม่รอด!! สตม.สระแก้ว รวบ 2 ผู้ต้องหาหนีหมายจับ ขณะทำการหลบหนีไปปอยเปต
เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองสระแก้ว จับกุมผู้ต้องหาหนีหมายจับของศาลจังหวัดสระแก้ว และศาลจังหวัดนางรอง ที่บริเวณด่านผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อำเภออรัญประเทศ ขณะเตรียมเดินทางออกนอกประเทศไปยังฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา
วันที่ 31 ม.ค. 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก ตำบลอรัญประเทศ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้ว ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.รุ่ง ทองมนต์ ผกก.ตม.จว.สระแก้ว, พ.ต.อ.พัฒนชัย ภมรพิบูลย์ ผกก., พ.ต.อ.วนัสชัย ยิ่งยงสมสวัสดิ์ ผกก.1 บก.ปส.2., พ.ต.อ.ธนเสฏฐ์ ประชาชัยศรี ผกก.สส.3 บก.สส.ภ.2, พ.ต.อ.สมชาย ธีรภัทรไพศาล ผกก.2 บก.ทท.1, พ.ต.ท.ธันยวิช มณีโซติ รอง ผกก.1 บก.ปส.2, พ.ต.ท.สาโรจน์ ติระกิจพาณิชย์ รอง ผกก ตม.จว.สระแก้ว, พ.ต.ท.จิรพัฒน์ เขียวศิริ สว.ส.ทท.3 กก.2 บก. ทท.1 สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ตม.จว.สระแก้ว ประกอบด้วย พ.ต.ต.วงศกร วรรณสมบูรณ์ สว.ฯ, ร.ต.อ.หญิงประภารัตน์ ปิ่นประดับ รอง สว.ตม.จว.สระแก้ว, ร.ต.ท.สุรภูมิ กองไพรวัลย์ รอง สว.ฯ, ด.ต.วิทยา กาวิชัย ผบ.หมู่ฯ ร่วมกับ ตำรวจท่องเที่ยวสระแก้ว, ตำรวจ สภ.คลองลึก, ตำรวจ กก.1 บก.ปส.2 บช.ปส. ,ตำรวจ กก.สืบสวน 3 บก.สส.ภ.2 และ ตำรวจชุดสืบสวน กก.2 บก.ทท.1 ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายจีระศักดิ์ จำนงค์รักษ์ อายุ 23 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสระแก้ว ที่ จ.25/2566 ลง 24 มกราคม 2566 โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “ยักยอกทรัพย์”
ทั้งนี้ สำหรับพฤติการณ์ก่อนจับกุม เจ้าหน้าที่ชุดจับทราบจากสายลับไม่ประสงค์ออกนาม แต่ประสงค์จะขอรับเงินรางวัล ว่าจะมีผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสระแก้ว จำนวน 1 คน จะเดินทางหนีออกไปนอกราชอาณาจักรไทย ทางจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก ต.อรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว
ต่อมา เมื่อช่วงค่ำเวลาประมาณ 20.00 น.วานนี้ (30 ม.ค.) เจ้าหน้า ตม.จว.สระแก้ว โดยเจ้าหน้าที่ประจำจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก พร้อมชุดจับกุมได้ขอตรวจสอบหมายจับของผู้ต้องหา และตรวจพบว่า ผู้ต้องหาเป็นบุคคลตามหมายจับของศาลจังหวัดสระแก้ว ชุดจับกุมจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจแสดงหมายจับให้ผู้ถูกจับดู และได้อ่านให้ฟังเป็นที่เข้าใจ และผู้ต้องหายอมรับว่า เป็นบุคคลเดียวกันตามหมายจับของศาลจังหวัดสระแก้ว ต้องหาว่ากระทำความผิดฐานดังกล่าวจริง และไม่เคยถูกจับกุมดำเนินคดีมาก่อน จึงแจ้งให้ทราบว่าเขาต้องถูกจับ พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาและสิทธิ์ให้ทราบ ก่อนควบคุมตัวไปทำบันทึกจับกุม และนำตัวส่งให้ สภ.ปางสีดา เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย
รวบหนุ่มเขมรแสบ!! ขนแรงงานเถื่อน 11 คน ส่งชายแดนจ่ายหัวละ 1,500 บาท
จับกุมหนุ่มเขมรสุดแสบ ขับรถไปรับแรงงานชาวกัมพูชา 11 คน จากชลบุรี เพื่อนำส่งชายแดนบ้านเขาดิน อำเภอคลองหาด จังหวัดสระแก้ว เพื่อลักลอบเดินเท้าข้ามชายแดน บริเวณช่องธรรมชาติกลับประเทศกัมพูชา ในช่วงเทศกาลตรุษจีน สารภาพจ่ายหัวละ 1,500 บาท หลังพบว่าก่อนนี้มีการลักลอบเข้ามาทำงานในไทยโดยผิดกฎหมาย
เมื่อวันที่ 18 ม.ค.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.รุ่ง ทองมนต์ ผกก.ตม.จว.สระแก้ว, พ.ต.อ.ฐาปนนท์ หน่องพงษ์ ผกก.ตชด.12, พ.ต.อ.ทวี กิติวิริยกุล รรท.ผกก.สภ.คลองหาด พร้อมกำลัง ตำรวจ ตม.จว.สระแก้ว, ตำรวจ ตชด.12, ตำรวจ สภ.คลองหาด และทหาร ฉก.ร.2 กกล.บูรพา ออกลาดตระเวนบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อป้องกันและสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ตามเส้นทางธรรมชาติ อำเภอคลองหาด จังหวัดสระแก้ว
ทั้งนี้ ขณะเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนมาถึงพื้นที่ถนนสายคลองหาด-บ้านเขาดิน เจ้าหน้าที่พบรถต้องสงสัย เป็นรถยนต์อเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง อีซูซุ รุ่นมิวเซเว่น สีขาว ทะเบียน ชห 5827 กรุงเทพมหานคร วิ่งมาด้วยความเร็ว จากสี่แยก อ.คลองหาด จ.สระแก้ว มุ่งหน้าชายแดนบ้านเขาดิน ต.คลองหาด อ.คลองหาด จ.สระแก้ว เจ้าหน้าที่จึงออกไล่ติดตามพร้อมส่งสัญญาณให้หยุดรถเพื่อขอตรวจสอบ แต่รถยนต์คันดังกล่าวไม่ยอมหยุด แล้วเร่งเครื่องขับหลบหนี เจ้าหน้าที่ได้แจ้งแล้วทำการดักสกัดจับกุมไว้ได้ ที่บริเวณแยกทางเข้าไร่พลอยลดา ม.8 ต.คลองหาด อ.คลองหาด จ.สระแก้ว
(สระแก้ว) ความคืบหน้าคนไทย 7 คน หลบหนีสถานที่กักขัง เครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนในเมืองวาเวต ประเทศกัมพูชา กลับถึงประเทศไทยแล้ว โดย 4 คนเข้า-ออกถูกต้อง มีหนังสือเดินทาง แต่ถูกยึดและบังคับให้ทำงาน ซึ่ง 1 ใน 4 คน ทำไม่ได้ ถูกซ้อมและทำร้ายร่างกาย เพราะหลอกคนไทยไม่สำเร็จ
เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความคืบหน้ากรณีคนไทยผู้ใช้เฟซบุกชื่อว่า “แร้วงัย คัยแคร์” ได้ไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊ก ขอความช่วยเหลือเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา โดยบอกว่า เป็นคนไทย 7 คน กำลังหนีเอาชีวิตรอดจากการถูกหลอกและกักขังบังคับให้ทำคอลเซ็นเตอร์ชาวจีน ที่พิกัดเมืองบาเวต ประเทศกัมพูชา ติดชายแดนประเทศเวียดนาม แต่หนีออกจากบริเวณดังกล่าวไม่ได้ เนื่องจากมีลวดไฟฟ้า ต้องไปรวมตัวกันหลบอยู่ใต้บันไดหลายชั่วโมง ต้องการความช่วยเหลือจากหน่วยงานรัฐไทยและกัมพูชา ซึ่งถือว่า เข้าข่ายการค้ามนุษย์ หากไม่มีการช่วยเหลือจะถูกตามจับกลับไปกักขังอีก โดยบอกเล่าเหตุการณ์ผ่านเฟซบุ๊ก
จนกระทั่ง สามารถเจรจากับพนักงานรักษาความปลอดภัยชาวกัมพูชา จนนายทุนชาวจีนสั่งให้ปล่อยตัวทั้งหมดออกไปเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา และทั้งหมดได้เหมารถตุ๊ก ๆ ออกมาจากพื้นที่และประสานเช่ารถ เดินทางออกมาจากพื้นที่เมืองบาเวต มายังกรุงพนมเปญ เพื่อประสานงานกับทางสถานทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ ขอให้ส่งตัวเดินทางกลับประเทศไทย
ล่าสุด ช่วงเวลา 19.00 น.วานนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.รุ่ง ทองมนต์ ผกก.ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้ว ร่วมกับ พ.อ.อนุพงศ์ มูลบรรจบ ผบ.ชุดควบคุมกรมทหารพรานที่ 13 โดยเจ้าหน้าที่กองร้อยทหารพรานที่ 1302 ,นายบุรินทร์ ล่วงเขต ผช.ป้องกันจังหวัดสระแก้ว และกลุ่มช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์ต่างแดน ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า “ก็แค่ คนธรรมดา” ได้ร่วมรับตัวคนไทยเหยื่อที่ถูกหลอกลวง ชักชวนให้ลักลอบข้ามแดนไปทำงานในกัมพูชา กลับสู่ประเทศไทย จำนวน 7 คน แบ่งเป็น ชาย 2 คน หญิง 5 คน ประกอบด้วย น.ส.วันวิสา (ขอสงวนนามสกุล), นายอภินันท์ (ขอสงวนนามสกุล), น.ส.จันทิมา (ขอสงวนนามสกุล), น.ส.สายธาร (ขอสงวนนามสกุล), น.ส.กฤษดาพร (ขอสงวนนามสกุล), นายประยูร (ขอสงวนนามสกุล) และ น.ส.อโณชา (ขอสงวนนามสกุล) บริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก ต.อรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ก่อนนำตัวมาสอบสวน ณ บริเวณทำการกองร้อยทหารพรานที่ 1302 และเข้าสู่กระบวนการคัดแยกเหยื่อตามขั้นตอน ก่อนส่งตัวกลับภูมิลำเนา
1 มีนาคม พ.ศ. 2433 รัชกาลที่ 5 ประกาศพระบรมราชโองการ ให้สร้างทางรถไฟสายแรก กรุงเทพฯ ถึงนครราชสีมา
วันนี้ เมื่อ 133 ปีก่อน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประกาศพระบรมราชโองการ ให้สร้างทางรถไฟตั้งแต่กรุงเทพ ฯ ถึงเมืองนครราชสีมาเป็นทางรถไฟสายแรกในราชอาณาจักรไทย
เมื่อ พ.ศ. 2398 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงได้รับพระราชสาส์นและเครื่องราชบรรณาการจากสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียแห่งสหราชอาณาจักร ซึ่งในเครื่องราชบรรณาการนั้นมีรถไฟเล็กจำลองย่อส่วนจากรถจักรไอน้ำของจริงที่ใช้ในเกาะอังกฤษ ประกอบด้วยหัวรถจักรไอน้ำชนิดมีปล่องสูงและรถพ่วงครบขบวน ซึ่งเป็นที่สนพระราชหฤทัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในขณะนั้น แต่ตลอดรัชสมัยของพระองค์ยังไม่มีการสร้างทางรถไฟเกิดขึ้น เพราะภาวะเศรษฐกิจของราชอาณาจักรสยามในขณะนั้นยังอยู่ในฐานะที่ไม่มั่นคงและยังมีจำนวนประชากรน้อยอยู่
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงได้รับแรงบันดาลพระราชหฤทัยจากการทรงทอดพระเนตรการสร้างทางรถไฟในชวาและทรงประทับรถไฟในอินเดีย พระองค์ทรงเห็นว่ารถไฟจะทำให้ราชอาณาจักรสยามมีความเจริญยิ่งขึ้น และจะช่วยเสริมสร้างความมั่นคงให้กับราชอาณาจักรได้ ซึ่งในขณะนั้นราชอาณาจักรสยามกำลังถูกกดดันจากชาติตะวันตกในการล่าอาณานิคม ดังนั้นการสร้างทางรถไฟจึงได้เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2433 โดยมีประกาศพระบรมราชโองการสร้างทางรถไฟสยามตั้งแต่กรุงเทพมหานครถึงนครราชสีมา ดังมีข้อความแสดงพระราชดำริบางดอนว่า
"การสร้างหนทางรถไฟเดินไปมาในระหว่างหัวเมืองไกล เป็นเหตุให้ความเจริญแก่บ้านเมืองได้เป็นอย่างสำคัญอันหนึ่ง เพราะทางรถๆฟอาจจะชักย่นหนทางหัวเมืองซึ่งตั้งอยู่ไกลไปมาถึงกันยากให้กลับเป็นหัวเมืองใกล้ไปมาถึงกันได้โดยสะดวกเร็วพลัน การย้ายขนสินค้าไปมาเป็นการลำบาก ก็สามารถจะย้ายขนไปมาถึงกันได้โดยง่าย เป็นการเปิดโอกาสให้อาณาประชาราษฎร์ มีทางตั้งการทำมาหากินกว้างขวางออกไปและทำทรัพย์สมบัติกรุงสยามให้มากมียิ่งขึ้นด้วย ทั้งเป็นคุณประโยชน์ในการบังคับบัญชา ตรวจตราราชการบำรุงรักษาพระราชอาณาเขตให้ราษฎรอยู่เย็นเป็นสุขได้โดยสะดวก"
ต่อมาในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2433 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนากรมรถไฟขึ้นเป็นครั้งแรกในสังกัดกระทรวงโยธาธิการ จากนั้นในวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2434 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร ไปทรงขุดดินถมทางรถไฟหลวงสายแรก
สำหรับการก่อสร้างทางรถไฟสายนครราชสีมาได้แล้วเสร็จบางส่วน ในวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2439 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรีพระอัครราชเทวี ไปทรงประกอบพระราชพิธีเปิดการเดินรถไฟหลวงสายแรกในราชอาณาจักร พระองค์ทรงตอกหมุดตรึงรางรถไฟกับไม้หมอนและเสด็จพระราชดำเนินโดยรถไฟพระที่นั่งไปยังจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 ‘ทักษิณ ชินวัตร’ ก้มกราบแผ่นดิน หลังลี้ภัยในต่างแดน 1 ปี 5 เดือน
วันนี้ เมื่อ 15 ปีก่อน ทักษิณ ชินวัตร เดินทางกลับประเทศไทยเป็นครั้งแรก หลังจากต้องลี้ภัยในต่างแดนเป็นเวลา 1 ปี 5 เดือน จากเหตุรัฐประหารเมื่อ 19 กันยายน 2549
ย้อนกลับไปเมื่อ 15 ปีที่แล้ว ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2551 ได้มีภาพของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปรากฏและเป็นข่าวโด่งดังซึ่งประชาชนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก กับกรณีการ ก้มกราบแผ่นดิน ที่สนามบินสุวรรณภูมิ
หลังจากที่ นายทักษิณ ต้องออกจากประเทศไทยและลี้ภัยไปอยู่ที่ประเทศอังกฤษนานถึง 1 ปี 5 เดือน เนื่องจากถูกปฏิวัติรัฐประหาร ซึ่งนำโดย พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ในฐานะคณะปฏิรูปการปกครองในระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ คปค. เมื่อปี 2549
เหตุการณ์ในวันนั้น เมื่อนายทักษิณ เดินทางมาถึง ได้อยู่ภายในห้องวีไอพีกับครอบครัว ซึ่งเป็นห้องที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจัดเตรียมไว้ให้เซ็นรับทราบข้อกล่าวหา รวมถึงทำกระบวนการต่างๆ ตรวจพาสปอร์ต จากนั้นได้เดินออกจากอาคารสนามบินสุวรรณภูมิทักทายอดีตแกนนำพรรคไทยรักไทย รัฐมนตรี และ ส.ส. ที่มายืนรอต้อนรับ
27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2514 ในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จฯ ในพิธี วางศิลาฤกษ์ ‘เขื่อนสิริกิติ์’
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์เขื่อนสิริกิติ์ อ.ท่าปลา จ.อุตรดิตถ์
เดิมเขื่อนนี้มีชื่อว่า 'เขื่อนผาซ่อม' โดยก่อสร้างปิดกั้นแม่น้ำน่าน บริเวณเขาผาซ่อม ตำบลผาเลือด อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ ภายหลังได้รับพระบรมราชานุญาตให้อัญเชิญพระนามาภิไธยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ มาขนานนามเขื่อนว่า เขื่อนสิริกิติ์ เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2511
(สระแก้ว) ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เปิดงานชมพู่หวานและของดีอำเภอคลองหาด ครั้งที่ 24 จัดขึ้นที่สนามหน้าที่ว่าการอำเภอคลองหาด จังหวัดสระแก้ว ระหว่างวันที่ 6-15 กุมภาพันธ์ 2566 นี้
(8 ก.พ. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สนามหน้าที่ว่าการอำเภอคลองหาด จังหวัดสระแก้ว นายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เดินทางไปเปิดงานชมพู่หวานและของดีอำเภอคลองหาด ครั้งที่ 24 พร้อมทั้งมอบเกียรติบัตรการประกวดผลผลิตทางการเกษตร โดยการจัดงานในครั้งนี้ กำหนดจัดงานระหว่างวันที่ 6-15 กุมภาพันธ์ 2566 โดยมีกิจกรรมต่าง ๆ อาทิ เช่น การประกวดผลผลิตทางการเกษตร การประกวดเทพีชมพู่หวาน (ดาวค้างฟ้า)
สำหรับงานชมพู่หวานและของดีอำเภอคลองหาด ครั้งที่ 24 มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาและส่งเสริมอาชีพ รวมทั้งเพิ่มพูนรายได้ให้กับกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกผลไม้ในพื้นที่ โดยเฉพาะชมพู่และลำไย ซึ่งเป็นผลไม้ที่มีชื่อเสียงของอำเภอคลองหาด อีกทั้งเพื่อกระตุ้นและส่งเสริมเศรษฐกิจของท้องถิ่น สร้างมูลค่าทางการตลาดให้กับเกษตรกร ในทุกหมู่บ้านและชุมชน จึงขอเชิญชวนให้พี่น้องประชาชน ได้มาเที่ยวชมงานและเลือกซื้อสินค้าภายในงานตลอด 10 วัน
ที่มา : https://www.77kaoded.com/news/thanapat/2400918
‘ปตท.’ มุ่งต่อยอด ‘ขยะ’ สู่วัสดุทดแทนที่มีคุณค่า เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม - สอดคล้อง BCG Model
ปตท. มุ่งพัฒนาศักยภาพ 'ขยะ' ต่อยอดเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่า ร่วมขับเคลื่อนนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจ 3 มิติ (BCG Model) ของประเทศไทย
จากวัสดุเหลือทิ้ง หรือ ‘ขยะ’ ที่ถูกมองข้าม ปตท. โดยทีมนักวิจัย จากสถาบันนวัตกรรม และ บริษัท เอช จี เนกซ์ จำกัด จับมือร่วมพัฒนาต่อยอดจนได้ทางออกที่สมบูรณ์ให้กับผู้ที่อยากเปลี่ยนขยะให้กลายเป็นทรัพยากรทดแทนที่มีคุณค่า เติมเต็มช่องว่างของการค้นหาทรัพยากรใหม่ ๆ ที่มีอยู่อย่างจำกัดในปัจจุบัน
เมื่อเร็ว ๆ นี้ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) จัดพิธีเปิดงานนิทรรศการ ‘Waste is MORE’ โดยมี นายเชิดชัย บุญชูช่วย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่นวัตกรรมและธุรกิจใหม่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เป็นประธานในพิธีเปิดงานนิทรรศการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อมุ่งเน้นให้เห็นถึงมิติของเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ผ่านการพัฒนาศักยภาพของ ‘ขยะ’ ที่ถูกมองว่าไร้ค่า ให้กลายเป็นวัสดุทดแทนที่ ‘ไม่ไร้ค่า’ อีกต่อไป โดย ปตท. พร้อมเป็นกำลังสำคัญในการผลักดันศักยภาพของนวัตกรรมการวิจัย และการออกแบบของคนไทย ให้เติบโตไปแข่งขันในเวทีระดับโลก ทั้งยังคำนึงถึงความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาที่ยั่งยืน
ปตท. ร่วมแก้วิกฤตฝุ่น PM 2.5 หนุนพนักงาน Work from Home
เมื่อวันที่ 3 ก.พ.66 นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) กล่าวว่า จากสถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครที่มีแนวโน้มสูงขึ้น เนื่องจากสภาพอากาศที่นิ่งและปิด ทำให้ฝุ่นละอองสะสมตัวมากขึ้น และส่งผลต่อสุขภาพของประชาชนในวงกว้าง ปตท. ในฐานะบริษัทพลังงานของคนไทย เราตระหนักถึงปัญหาจึงมีนโยบายให้พนักงานที่ปฏิบัติงานอยู่ในกรุงเทพมหานคร, ปทุมธานี, นครราชสีมา, พระนครศรีอยุธยา, ระยอง, ราชบุรี และขอนแก่น ปฏิบัติงานในที่พัก (Work from Home) ระหว่างวันที่ 3 – 5 กุมภาพันธ์ 2566 เพื่อร่วมลดผลกระทบที่เกิดจากการสัญจร
ทั้งนี้ ปตท. ยึดมั่นดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน ควบคู่กับการดูแลสังคม ชุมชม และสิ่งแวดล้อม พร้อมตั้งเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี 2593 (ค.ศ. 2050) ซึ่งเร็วกว่าที่ประเทศกำหนด ด้วยกลยุทธ์เชิงรุก 'ปรับ เปลี่ยน ปลูก' ปรับกระบวนการผลิต ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการให้ได้สูงสุด เปลี่ยนสู่ธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพิ่มสัดส่วนการลงทุนโดยมุ่งธุรกิจพลังงานสะอาด อาทิ พลังงานหมุนเวียน ระบบกักเก็บพลังงาน และธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจร ปลูกป่าเพิ่ม 2 ล้านไร่ โดย ปตท. เป็นแกนหลักในการปลูก 1 ล้านไร่ ภายในปี 2573 (ค.ศ. 2030) และกลุ่ม ปตท. อีก 1 ล้านไร่ เพื่อเพิ่มปริมาณการดูดซับก๊าซเรือนกระจกจากชั้นบรรยากาศด้วยวิธีทางธรรมชาติ
ปตท. พร้อมดำเนินการในทุกมิติเพื่อเป็นส่วนหนี่งในการช่วยลดปริมาณฝุ่นละออง PM 2.5 ที่ทุกคนกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ และจะอยู่เคียงข้างคนไทยเพื่อสร้างคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมที่ดีอย่างมั่นคงและยั่งยืน