เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 65 ที่ผ่านมา ผบ.กองบิน 3 กองทัพอากาศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ชี้แจงชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนบริเวณโดยรอบสนามบิน กรณีร้องเรียนว่า ทางกองทัพอากาศจะยกเลิกสัญญาเช่าที่เดิน เพื่อขยายสนามบินที่ อำเภอวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว ซึ่งปัจจุบันทางกองทัพอากาศได้เปลี่ยนแนวทาง โดยไม่มีการยกเลิกสัญญาเช่าที่ดินแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.อ.อำนาจ สิงหพันธ์ ผบ.กองบิน 3 กองทัพอากาศ ร่วมกับ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย กรมส่งกำลังบำรุงกองทัพอากาศ สถานีตำรวจภูธรวัฒนานคร ธนารักษ์พื้นที่สระแก้ว และเจ้าหน้าที่ทหารพระธรรมนูญ เปิดเวทีชี้แจงกรณีชาวบ้านในพื้นที่ ม.6 บ้านน้อยสนามบิน ต.วัฒนานคร และชาวบ้านในพื้นที่ ต.ห้วยโจด ต.โนนหมากเค็ง อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว หลังร้องเรียนว่า ได้รับความเดือดร้อนจากโครงการขยายสนามบินวัฒนานคร และจัดตั้งกองบิน 3 เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของกองทัพอากาศ ซึ่งมีโครงการก่อสร้างแนวรั้วและอื่น ๆ ในพื้นที่ราชพัสดุของกรมธนารักษ์ ซึ่งอยู่ในความดูแลของกองทัพอากาศ ไปจนถึงปี 2570 ตามนโยบายของรัฐบาลและกองทัพ ทำให้จำเป็นต้องดำเนินการขอคืนพื้นที่ เพื่อใช้ประโยชน์ของทางราชการ
ซึ่งจากเดิมมีแผนที่จะยกเลิกสัญญาการเช่าที่ดินของชาวบ้านทั้งหมด จนมีผู้เดือดร้อนเดินทางไปร้องเรียนยังส่วนกลาง และออกรายการโทรทัศน์ในช่วงที่ผ่านมา โดยมี กำนันตำบลวัฒนานคร, นายก อบต.ห้วยโจด, ผู้ใหญ่บ้าน ชาวบ้านที่เดือดร้อนและได้รับผลกระทบเข้าร่วมเวทีชี้แจงเกือบ 70 ราย
ทั้งนี้ น.อ.อำนาจ สิงหพันธ์ ผบ.กองบิน 3 กองทัพอากาศ ชี้แจงภายหลังให้ข้อมูลภารกิจของกองบิน 3 ถึงแผนพัฒนาที่ดินราชพัสดุและแนวทางการช่วยเหลือประชาชนผู้เช่า ที่โดนผลกระทบจากการไม่ต่อสัญญาเช่าที่ดินราชพัสดุที่อยู่ในการปกครองดูแลของกองทัพอากาศ ระบุว่า โดยผลกระทบจากเนื้อที่ 16,000 ไร่ ซึ่งปัจจุบันทำสัญญาเช่าไว้ 1,400 แปลง ซึ่งมีผลกระทบจำนวน 75 แปลง ซึ่งในจำนวน 75 แปลงนั้น มี 65 ราย ที่ได้รับผลกระทบซึ่งเกิดจากผลกระทบที่เราต้องทำแนวรั้วในพื้นที่สีเหลือง ขีดเป็นเส้นตรงเพื่อสร้างรั้ว เมื่อสร้างรั้วแล้ว ก็จะแบ่งพื้นที่เป็น 2 ส่วนคือ พื้นที่ภายในกองบิน และนอกรั้วกองบิน เดิมวางแผนตั้งแต่ปี 65 ,66, 67 จนถึงปี 70 มีการกำหนดแผนจากหน่วยเหนือชัดเจน
ซึ่งเดิมเราจะยกเลิกสัญญาทั้งหมด แต่เมื่อปลายเดือน พ.ย.65 พี่น้องชาวบ้านส่งผู้แทนมาที่กองบิน มาขอให้คลายความเดือดร้อน ซึ่งไม่รู้ว่า เดือดร้อนอย่างไร ตนเพิ่งมารับตำแหน่งเมื่อเดือน ต.ค.65 แต่จริง ๆ ปัญหานี้อยู่ในพื้นที่มานาน พอมารับหน้าที่จึงรีบศึกษา ขอฟังปัญหา และรีบแก้ปัญหา
“ผมมาระยะที่ 1 และรู้ว่า โครงการระยะที่ 1 ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน ปลายเดือน พ.ย.65 จึงส่งปัญหานั้นขึ้นไปยังหน่วยเหนือ กรมส่งกำลังบำรุงและกรมยุทธการ ผู้บังคับบัญชาระดับสูง ก็รับทราบปัญหานี้ ก็หารือกัน จึงเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาระยะที่ 2 ซึ่งวันนี้เป็นวันที่ผมได้แจ้งทุกท่านอย่างเป็นทางการว่า ปัญหานั้นได้ถูกแก้ไขโดยทางหน่วยเหนือได้มีข้อพิจารณาให้กับท่านผู้บัญชาการ อย่างไม่เป็นทางการ แต่ยืนยันว่า ท่านรับทราบแล้วและยืนยันว่า ให้ยึดประชาชนเป็นหลัก ทางกรมส่งกำลังบำรุงอยู่ระหว่างการขออนุมัติผู้บัญชาการ ที่ท่านผู้บัญชาการทราบแล้ว
ซึ่งข้อพิจารณากำหนดแล้วว่า จะไม่ยกเลิกสัญญาเช่าที่ดินของชาวบ้าน แต่จะขอคืนพื้นที่ในแนวรั้วสีน้ำเงิน ซึ่งปี 66 ผ่านพื้นที่ 25 แปลง ทางซ้ายของแนวรั้วและขวาของแนวรั้ว ขอกันพื้นที่ไว้ฝั่งละ 10 เมตร เพื่อไม่ให้มีการปลูกต้นไม้ใหญ่ไปชอนไชรั้วเสียหาย และที่สำคัญเป็นเส้นทางตรวจการณ์ของเจ้าหน้าที่เพื่อรักษาความปลอดภัย เนื่องจากกองบิน 3 มียุทธโธปกรณ์ที่สำคัญ มี UAV มูลค่าเป็นพันล้าน-หมื่นล้าน ซึ่งในทางยุทธการแล้ว ที่นี่จะเป็นเป้าหมายของการก่อวินาศกรรม ซึ่งฝ่ายตรงข้ามจะส่งคนมาสอดแนม มาลอบวางระเบิดหรือโจมตีหากเกิดสงคราม หากเราประมาทเมื่อไหร่เราสิ้นชาติสิ้นแผ่นดิน นั่นเป็นความจำเป็นที่ต้องสร้างแนวรั้ว มีแนวเขตยุทธการ” น.อ.อำนาจ กล่าว
